จันทบุรี - ป่าไม้ร่วมกับชาวบ้านที่เดือดร้อนจากภัยช้างป่า ตรวจแนวรั้วลวดไฟฟ้าที่ถูกช้างป่า ทำลายเสียหาย วอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแก้ไขปัญหาก่อนชาวสวนจะหมดตัว
จากสาเหตุที่ช้างป่าได้ลงมากินพืชผลทางการเกษตรของชาวสวนบ้านทับไทร หมู่ 1 นานติดต่อกัน 14 วันแล้ว ขณะนี้ได้สร้างความเสียหายบานปลายและเป็นวงกว้างมากขึ้นรวมทั้งสร้างความเดือดร้อนจากการที่ต้องคอยระวังภัยจากช้างป่า
นายณัฎฐา คณะวรรณ เจ้าของสวนผลไม้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากช้างป่าที่ลงมาจากเทือกเขาสอยดาวใต้ กล่าวว่าขณะนี้ชาวสวน หมู่ 1 และ หมู่ 8 ตำบลทับไทร อำเภอโป่งน้ำร้อน จังหวัดจันทบุรี ชาวสวนที่เดือดร้อนได้นำเจ้าหน้าที่ตรวจสอบร่องรอยที่ช้างป่าเข้ามาทำลายพืชสวนเสียหาย ตั้งแต่วันที่ 23 พฤศจิกายน 2552 ที่ผ่านมาจนเมื่อเช้าวันนี้ (6 ธ.ค.) ช้างป่าเพศผู้ตัวเดิมได้ลงมาอีกรอบ และเข้าทำลายต้นไม้หอมเสียหายกว่า 300 ต้น นอกจากนี้ยังพบต้นกล้วย ต้นทุเรียน และต้นมะพร้าว กว่า 200 ต้นถูกช้างป่ากัดกินและทำลายเสียหายจำนวนหลาย 10 ไร่
พร้อมกันนี้ยังพบชาวสวนที่ หมู่ 8 ที่ถูกช้างป่าเพศผู้ตัวเดิมเช่นกัน เข้าทำลายพืชผลทางการเกษตรเสียหายกว่า 6-7 ไร่เช่นกัน แม้ในรอบแรกที่ช้างป่าได้ลงมาทางชาวสวนได้มีการทำแนวกั้นโดยใช้ลวดไฟฟ้ามาโยงโดยรอบสวนผลไม้พร้อมกับมีการนำเชือกสีแดงมา ผูกกั้นเป็นแนวเพื่อพางตาให้ช้างป่า เกิดความสับสนแต่ก็ไม่สามารถช่วยได้ รวมทั้งมีการจุดไฟและใช้พุจุดไล่ช้างป่าแต่ก็ไม่เป็นผลแต่อย่างไร ช้างป่าก็ยังคงสามารถลงมาทำลายพืชผลทางการเกษตรของชาวสวนได้เหมือนเดิม
อยากวิงวอนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยหาแนวทางการแก้ไขปัญหา หรือ การแก้ไขปัญหาที่ต้นตอไม่ใช้มาแก้ไขปัญหาที่ปลายเหตุทั้งนี้ควรจะมีการนำช้างป่าตัวนี้กลับคืนป่าไปรวมทั้งหาวิธีไม่ให้ช้างป่าตัวนี้ลงมาจากเทือกเขาสอยดาวใต้อีกต่อไป
ชาวสวนที่เดือดร้อนกล่าวเสริมอีกว่า ทุกวันนี้เริ่มที่จะหวาดกลัวกับช้างป่าตัวนี้เป็นอย่างมากเนื่องจากช้างป่าตัวนี้ไม่ทราบว่าจะลงจากเทือกเขามาในช่วงไหน ตนเองไม่ค่อยมีเวลาที่จะสามารถเฝ้าช้างป่าตัวนี้ได้ตลอดเวลาเพราะตนเองต้องมีงานที่จะต้องทำจึงเป็นสาเหตุที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องลงมาให้การช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนถ้าปล่อยไว้จะทำให้เกษตรกร หรือ ชาวสวนต้องหมดตัวกับภัยช้างป่านี้อย่างแน่นอนอีกด้วย
จากสาเหตุที่ช้างป่าได้ลงมากินพืชผลทางการเกษตรของชาวสวนบ้านทับไทร หมู่ 1 นานติดต่อกัน 14 วันแล้ว ขณะนี้ได้สร้างความเสียหายบานปลายและเป็นวงกว้างมากขึ้นรวมทั้งสร้างความเดือดร้อนจากการที่ต้องคอยระวังภัยจากช้างป่า
นายณัฎฐา คณะวรรณ เจ้าของสวนผลไม้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากช้างป่าที่ลงมาจากเทือกเขาสอยดาวใต้ กล่าวว่าขณะนี้ชาวสวน หมู่ 1 และ หมู่ 8 ตำบลทับไทร อำเภอโป่งน้ำร้อน จังหวัดจันทบุรี ชาวสวนที่เดือดร้อนได้นำเจ้าหน้าที่ตรวจสอบร่องรอยที่ช้างป่าเข้ามาทำลายพืชสวนเสียหาย ตั้งแต่วันที่ 23 พฤศจิกายน 2552 ที่ผ่านมาจนเมื่อเช้าวันนี้ (6 ธ.ค.) ช้างป่าเพศผู้ตัวเดิมได้ลงมาอีกรอบ และเข้าทำลายต้นไม้หอมเสียหายกว่า 300 ต้น นอกจากนี้ยังพบต้นกล้วย ต้นทุเรียน และต้นมะพร้าว กว่า 200 ต้นถูกช้างป่ากัดกินและทำลายเสียหายจำนวนหลาย 10 ไร่
พร้อมกันนี้ยังพบชาวสวนที่ หมู่ 8 ที่ถูกช้างป่าเพศผู้ตัวเดิมเช่นกัน เข้าทำลายพืชผลทางการเกษตรเสียหายกว่า 6-7 ไร่เช่นกัน แม้ในรอบแรกที่ช้างป่าได้ลงมาทางชาวสวนได้มีการทำแนวกั้นโดยใช้ลวดไฟฟ้ามาโยงโดยรอบสวนผลไม้พร้อมกับมีการนำเชือกสีแดงมา ผูกกั้นเป็นแนวเพื่อพางตาให้ช้างป่า เกิดความสับสนแต่ก็ไม่สามารถช่วยได้ รวมทั้งมีการจุดไฟและใช้พุจุดไล่ช้างป่าแต่ก็ไม่เป็นผลแต่อย่างไร ช้างป่าก็ยังคงสามารถลงมาทำลายพืชผลทางการเกษตรของชาวสวนได้เหมือนเดิม
อยากวิงวอนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยหาแนวทางการแก้ไขปัญหา หรือ การแก้ไขปัญหาที่ต้นตอไม่ใช้มาแก้ไขปัญหาที่ปลายเหตุทั้งนี้ควรจะมีการนำช้างป่าตัวนี้กลับคืนป่าไปรวมทั้งหาวิธีไม่ให้ช้างป่าตัวนี้ลงมาจากเทือกเขาสอยดาวใต้อีกต่อไป
ชาวสวนที่เดือดร้อนกล่าวเสริมอีกว่า ทุกวันนี้เริ่มที่จะหวาดกลัวกับช้างป่าตัวนี้เป็นอย่างมากเนื่องจากช้างป่าตัวนี้ไม่ทราบว่าจะลงจากเทือกเขามาในช่วงไหน ตนเองไม่ค่อยมีเวลาที่จะสามารถเฝ้าช้างป่าตัวนี้ได้ตลอดเวลาเพราะตนเองต้องมีงานที่จะต้องทำจึงเป็นสาเหตุที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องลงมาให้การช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนถ้าปล่อยไว้จะทำให้เกษตรกร หรือ ชาวสวนต้องหมดตัวกับภัยช้างป่านี้อย่างแน่นอนอีกด้วย
