ตราด -กัมพูชาประกาศปิดน่านน้ำทะเลติดกับ จ.ตราด ขอเจรจาค่าสัมปทานทำประมงใหม่ ประธานหอฯตราด ชี้ ไม่ใช่มีปัญหาทางการเมือง แต่ปรับค่าสัมปทานและเปลี่ยนตัวผู้ว่าฯใหม่
จากการที่มีรายงานข่าวว่า พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย ระบุว่า กัมพูชาประกาศปิดน่านน้ำทะเลด้าน จ.เกาะกง ประเทศกัมพูชา ที่ติดกับ อ.เกาะกูด จ.ตราด นั้น ข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ ในพื้นที่จังหวัดตราด พบว่า มีความเป็นจริง เนื่องจากสมาคมประมง จ.ตราด และผู้ประกอบการประมงในน่านน้ำทะเล จ.เกาะกง ประเทศกัมพูชา ได้ยุติการออกทำประมงในพื้นที่น่านน้ำทะเลเกาะกง ประเทศกัมพูชา และในพื้นที่ทับซ้อน เนื่องจากมีเรือตรวจการณ์ทางทะเลของตำรวจน้ำเกาะกง และกองเรือชายแดนของประเทศกัมพูชาปิดน่านน้ำไม่ให้เรือประมงไทยเข้าไปทำประมงตั้งแต่วันเสาร์-อาทิคย์ (21-22 พฤศจิกายน 2552) ที่ผ่านมา
นายฐิติกร โลหะคุปต์ นายกสมาคมประมง จ.ตราด และกรรมการสมาคม การประมงแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เรื่องการปิดน่านน้ำทะเลของประเทศกัมพูชาเป็นเรื่องจริง เนื่องจาก ผู้ว่าราชการ จ.เกาะกง ประเทศกัมพูชา ได้สั่งการให้มีการปิดน่านน้ำด้าน จ.เกาะกง และในพื้นที่ทะเลทับซ้อน เป็นการชั่วคราว เพื่อจัดระเบียบในเรื่องของการทำประมงในพื้นที่ทะเลน่านน้ำ จ.เกาะกงใหม่ ซึ่งไม่ใช่เป็นเรื่องที่ผิดปกติ แต่เป็นช่วงที่มีการเจรจาเพื่อต่อสัมปทานการทำประมง (ค่าน้ำ) ในพื้นที่ จ.เกาะกง ใหม่
รวมทั้งมีการเปลี่ยนผู้บริหารระดับสูงใน จ.เกาะกง จึงทำให้มีการปิดน่านน้ำทะเลในพื้นที่ จ.เกาะกงเป็นการชั่วคราว รอจนกว่าจะมีการเจรจาหาข้อสรุปใหม่ ซึ่งในขณะนี้ตนเองยังไม่สามารถหาข้อยุติในเรื่องนี้ได้ เนื่องจากยังไม่ได้มีการประชุมคณะกรรมการเพราะ ทางกัมพูชาได้ประกาศปิดน่านน้ำก่อนที่จะมีการแจ้งให้ทราบ
ในขณะนี้ตนเองยังไม่สามารถให้ข้อมูลได้มากกว่านี้ แต่ถ้าหากปิดน่านน้ำเป็นระยะเวลานาน อาจจะส่งผลกระทบต่อการทำประมงในจ.เกาะกง ของเรือประมงไทยที่มีมากกว่า 200-300 ลำ และมีมูลค่าในการทำประมงมากกว่า 200-300 ล้าน/เดือน
ด้านนายประเสริฐ ศิริ ประธานหอการค้า จ.ตราด กล่าวว่า การประกาศปิดน่านน้ำของกัมพูชา เป็นเรื่องจริง โดยมีสาเหตุ 2 ประการ คือ 1) มีการเปลี่ยนแปลงตัวผู้บริหารระดับสูงของ จ.เกาะกง คือ นายยุทธ ภูทอง ผู้ว่าราชการ จ.เกาะกง คนเดิม ถูกโยกย้ายไปดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษทางด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลกัมพูชา ที่กรุงพนมเปญ และได้แต่งตั้ง นายบุญเลิด นายอำเภอนาเกลือ หรือ สะแรอัมเปิล จ.เกาะกง ประเทศกัมพูชา เป็นผู้ว่าราชการ จ.เกาะกง คนใหม่ เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ซึ่งสัญญาหรือข้อตกลงต่างๆ ที่ทำไว้ในยุคของผู้ว่าฯ ยุทธ ภูทอง จึงจำเป็นต้องมีการดำเนินการปรับเปลี่ยน หรือทำข้อตกลงกันใหม่ โดยเฉพาะการให้สัมปทานประมงในน่านน้ำทะเลเกาะกง
2) ที่ผ่านมา การเสียค่าน้ำหรือค่าสัมปทานใน พื้นที่ จ.เกาะกง ประเทศกัมพูชา รายได้ส่วนใหญ่ที่มีมูลค่าเดือนละกว่า 100 ล้านบาท จะถูกแบ่งไปให้ทางรัฐบาลจำนวนไม่มาก ทำให้รัฐบาลเสียประโยชน์จากการทำประมงดังกล่าว จึงจำเป็นจะต้องมีการทบทวนข้อตกลงในเรื่องนี้ใหม่
“ผมขอยืนยันด้วยเกียรติของผมและตำแหน่งประธานหอการค้า ว่า การปิดน่านน้ำทะเลในกัมพูชาครั้งนี้ ไม่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์การเมืองหรือความขัดแย้งระหว่าง 2 ประเทศ เพราะเรือขนส่งสินค้าส่งออกทั้งจาก จ.ตราด และ จ.เกาะกง หรือ ในประเทศเวียดนาม ยังสามารถเดินทางขนสินค้าจากทั้ง 2 ประเทศไปมาหาสู่กันได้ หรือจะเป็นเรือประมงขนาดเล็กที่ทำประมงในพื้นที่ชายฝั่ง ก็ยังสามารถทำประมงได้ ผลกระทบอันนี้มีเพียง ธุรกิจประมงของคนไทยในกัมพูชาเท่านั้น หากสามารถตกลงจ่ายค่าสัมปทานได้ตามปกติ ทุกอย่างก็จะกลับมาสู่ภาวะปกติเหมือนเดิม”
สำหรับการทำประมงในน่านน้ำทะเลกัมพูชา มีพื้นที่การทำประมงใน 2 จังหวัด คือ จ.กัมโปงโสม (รวมทั้งกรุงพระสีหนุวิลล์) และ จ.เกาะกง มีเรือประมงของประเทศไทยจาก จ.ตราด จากจังหวัด 3 สมุทร จ.ระยอง และ จังหวัดในภาคใต้ที่จะเข้าไปขอสัมปทานและจ่ายค่าน้ำให้กับทางการ (จ.เกาะกง) เพื่อแลกเปลี่ยนกับการทำประมงใน 2 จังหวัดของกัมพูชา เป็นเวลา 1 ปี โดยแต่ละคู่ (เรืออวนลากคู่ หมายถึงเรือประมง 2 ลำที่ใช้ อวนขึงเรือทั้ง 2 ลำแล้ววิ่งตีคู่ไปกับทะเลเพื่อลากหาปลา) จะเสียค่าใช้จ่ายเดือนละ 1 ล้านบาท แต่ที่ผ่านมามีการ จ่ายเงินให้เจ้าหน้าที่ประมง จ.เกาะกง ตำรวจน้ำเกาะกง ตำรวจ จ.เกาะกง ทหารเรือ จ.เกาะกง และจังหวัดเกาะกง
ในแต่ละส่วนราชการจะนำเงินส่งให้กับทางรัฐบาลกลางตามสัดส่วนที่ได้กำหนดไว้ แต่ผู้ประกอบการประมงคนไทยบางครั้งก็จ่ายไม่ครบหรือเจ้าหน้าที่ของ จ.เกาะกง หรือหน่วยงานของ จ.เกาะกง ส่วนใหญ่จะมีการทุจริต มีการนำเงินส่งราชการน้อย ส่งผลให้เกิดปัญหา และการจับลูกเรือประมงไทยไปเรียกค่าไถ่หรือเป็นตัวประกัน เพื่อให้ผู้ประกอบการประมงนำเงินไปจ่ายค่าสัมปทาน