น่าน - ชาวจังหวัดน่านลุ้นเอาใจช่วยเยาวชนน่าน โชว์ศักยภาพนำหุ่นยนต์กู้ภัยผ่านรอบคัดเลือกจาก104 ทีม เข้ารอบแข่งขันชิงชนะเลิศแชมป์ประเทศไทย ประจำปี 2552
นายอนุชิต ชูจันทร์ ผอ.วิทยาลัยเทคนิคน่าน กล่าวถึงสองทีมเยาวชนจาก 2 สถาบันอาชีวศึกษา ที่สร้างชื่อเสียงด้วยการเข้าร่วมแข่งขัน หุ่นยนต์กู้ภัยชิงแชมป์ประเทศไทยประจำปี พ.ศ.2552 ซึ่งในรอบคัดเลือกมีทีมส่งเข้าร่วมการแข่งขัน 104 ทีม และเยาวชนจังหวัดน่าน สามารถสร้างหุ่นยนต์กู้ภัยนำเข้าแข่งขันในรอบคัดเลือก คือหุ่นยนต์ งาช้างดำ V.4 จากทีมวิทยาลัยเทคนิคน่าน และทีม MEGATRON_BOT วิทยาลัยการอาชีพเวียงสา และได้ผ่านการคัดเลือกเข้ารอบชิงชนะเลิศว่า ขณะนี้ได้มีการเตรียมความพร้อมสำหรับการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศที่ต้องพบกับอีก 6 สถาบัน ได้แก่
1. BART LAB Rescue มหาวิทยาลัยมหิดล 2. Mini Mecha มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ 3. SUCCESSFULLY By Telecom มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ ศาลายา 4. (PE) Production Engineering มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ 5. Intercepter มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ 6. CEO Mission IV มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
นายรังสิมันต์ ใจตุ้ย นักศึกษาแผนกช่างอิเลคทรอนิคส์ ชั้นปีที่ 3 วิทยาลัยเทคนิคน่าน ตัวแทนของทีมหุ่นยนต์ งาช้างดำ V.4 วิทยาลัยเทคนิคน่าน เปิดเผยว่า ขณะนี้ทีมเตรียมความพร้อมด้วยการซักซ้อมและปรับปรุงพัฒนาหุ่นยนต์ ทุกวันในช่วงเวลาเย็นหลังเลิกเรียน และได้พยายามพัฒนาหุ่นยนต์ให้มีศักยภาพได้ตามกรอบและเกณฑ์ที่ทางคณะกรรมการตัดสินให้โจทย์ไว้ ทั้งเรื่องการปีนป่ายซากปรักหักพังเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย และการค้นหาผู้รอดชีวิตรวมทั้งการส่งข้อมูลที่ชัดเจนจากตัวหุ่นยนต์ให้กับชุดกู้ภัยที่จะเข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้
โดยขณะนี้มีความมั่นใจ พร้อมด้วยกำลังใจเต็มเปี่ยม สำหรับการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ ถึงแม้ต้องแข่งขันกับอีก 6 ทีม ที่เป็นระดับอุดมศึกษาจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง แต่จะขอทำอย่างเต็มความสามารถ และดีที่สุด
ด้านนายวีระชัย สมบัติกำไร อาจารย์ที่ปรึกษาของทีมหุ่นยนต์ งาช้างดำ V.4 วิทยาลัยเทคนิคน่าน กล่าวว่า ขณะนี้ทีมมีความพร้อมเกิน 100% มีการฝึกซ้อมทุกวันหลังเลิกเรียน เพื่อเตรียมเข้าแข่งขันชิงแชมป์ประเทศไทย ในวันที่ 7-10 ธันวาคม 2552 ที่กรุงเทพฯ ซึ่งน้องๆนักศึกษามีความตั้งใจกับการแข่งขันครั้งนี้มาก และตั้งใจจะคว้ารางวัล 1ใน 3 ให้ได้เพื่อสร้างชื่อเสียงและความภาคภูมิใจให้กับชาวจังหวัดน่าน
