xs
xsm
sm
md
lg

แม่ค้าชายแดนไทย “ช่องสะงำ” โอดยอดลดฮวบ 50% - แม่ค้าเมียทหารเขมรโอ่ไม่หวั่นปิดด่าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บรรยากาศการค้าขายในตลาดชายแดนไทยช่องสะงำ อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ ที่พ่อค้าแม่ค้า ชาวกัมพูชา ข้ามแดนมาหาซื้อสินค้าตามปกติ แต่ไม่คึกคักเหมือนที่ผ่านมา วันนี้ ( 16 พ.ย.)
ศรีสะเกษ - แม่ค้าเมียทหารเขมรปากกล้าขาสั่น โอ่ไม่หวั่นไทยปิดด่านชายแดน “ช่องสะงำ” อ้างยกเมฆสินค้าจากเวียดนามสดใหม่-ราคาถูกว่าฝั่งไทย 2-3 เท่าตัว ทั้งที่ต้องส่งมาจากกรุงพนมเปญห่างออกไปถึงกว่า 400 กม. ขณะแม่ค้าชาวไทย เผย ปัญหาขัดแย้งระหว่างรัฐบาลไทย-กัมพูชา ส่งผลให้ยอดขายตกต่ำกว่าครึ่ง

วันนี้ (16 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลาดชายแดนที่บริเวณจุดผ่านแดนถาวรไทย-กัมพูชา ช่องสะงำ ต.ไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ วันนี้ยังเปิดตลาดตามปกติ และมีบรรดาพ่อค้าแม่ค้าชาวกัมพูชาพากันมาซื้อสินค้าเพื่อนำเอาไปขายในเขตประเทศกัมพูชา แต่บรรยากาศการซื้อขายไม่ค่อยคึกคักเท่าที่ควร เพราะปัญหาความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลไทยกับกัมพูชาส่งผลให้ชาวกัมพูชาจำนวนหนึ่งไม่กล้าเข้ามาซื้อขายสินค้าในเขตแดนไทย ส่งผลกระทบให้สินค้าที่พ่อค้าแม่ค้าชาวไทยนำเอามาขายแต่ละวัน เหลือค่อนข้างมาก

อย่างไรก็ตาม พ่อค้าแม่ค้าชาวไทยซึ่งส่วนมากพากันมาสร้างร้านค้าอยู่ที่บริเวณช่องสะงำจำเป็นต้องเปิดร้านขายสินค้าตามปกติ ถึงแม้ยอดขายจะลดต่ำลงจากที่ผ่านมาอย่างมากก็ตาม เพราะหากจะนำเอาสินค้าไปเร่ขายตามหมู่บ้านตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ก็ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ค่าน้ำมันรถยนต์เพิ่มขึ้น ไม่คุ้มค่าเหนื่อยและต้นทุน

นางอรสินี วินิจสร อายุ 49 ปี แม่ค้าขายไข่รายใหญ่ ตลาดชายแดนช่องสะงำ กล่าวว่า ปกติแล้วจะมีพ่อค้าแม่ค้า ชาวกัมพูชาเข้ามาหาซื้อสินค้าเป็นจำนวนมาก แต่หลังจากเกิดความขัดแย้งของรัฐบาล 2 ชาติ ทำให้ชาวกัมพูชาไม่ค่อยกล้าจะข้ามพรมแดนมาซื้อสินค้าเช่นเดิม ซึ่งปกติร้านแล้วตนจะขายไข่ได้วันละ 2,000 ถาด แต่เมื่อเกิดปัญหาความขัดแย้งระหว่างรัฐบาล ขายได้เพียงวันละ 1,000 ถาดเท่านั้น และบางวันยอดขายต่ำมากกว่านี้อีก

“อย่างไรก็ตาม เราก็จำเป็นต้องเปิดร้านขายตามปกติ เพราะหากนำไปเร่ขายตามหมู่บ้านตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ก็ไม่คุ้มกับค่าน้ำมันรถยนต์ สู้ทนนั่งรอให้พ่อค้าแม่ค้าชาวกัมพูชามาหาซื้อไปขาย ยังพอคุ้มทุนบ้าง แม้จะไม่มีกำไรเลยก็ตาม” นางอรสินี กล่าว

ทางด้าน นางบัว ตัง อายุ 38 ปี แม่ค้าชาวกัมพูชารายใหญ่และเป็นภรรยานายทหารกัมพูชา จากหน้าผาตาม็อก (ติดชายแดนด่านช่องสะงำ) อ.อัลลองเวง จ.อุดรมีชัย เปิดเผยว่า พวกเราพ่อค้าแม่ค้าชาวกัมพูชาไม่ค่อยหวาดหวั่นว่ารัฐบาลไทยจะสั่งปิดด่านช่องสะงำ เพราะหากมีการปิดด่านก็สามารถสั่งซื้อสินค้าได้จากประเทศเวียดนามและประเทศจีนโดยสินค้าจากทั้ง 2 ประเทศจะนำเข้าที่ กรุงพนมเปญ และส่งมายัง อ.อัลลองเวง จ.อุดรมีชัย ในเวลาประมาณ 05.00 น.ของทุกวัน

อีกทั้งสินค้าจากเวียดนามมีความสด ราคาถูกกว่าสินค้าจากตลาดฝั่งไทยที่ช่องสะงำประมาณ 2-3 เท่าตัวด้วย เพราะค่าเงินเวียดนามถูกกว่าค่าเงินบาทของไทย ซึ่งหากมีการปิดด่านช่องสะงำกลุ่มที่ได้รับความเดือดร้อนมากกว่า คือ พ่อค้าแม่ค้าชาวไทยเอง เพราะพ่อค้าแม่ค้าชาวกัมพูชาไม่สามารถข้ามด่านช่องสะงำเข้าไปซื้อสินค้าได้ และลูกค้าทั้งหมดที่เข้ามาซื้อสินค้าบริเวณนี้ล้วนเป็นชาวกัมพูชาทั้งสิ้น

“หากมีการปิดด่านช่องสะงำจริง กลุ่มที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดก็คือพ่อค้าแม่ค้าชาวไทย ส่วนชาวกัมพูชายังมีช่องทางในการสั่งซื้อสินค้าจากหลายประเทศและมีราคาถูกกว่าอีกด้วย” นางบัว กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า การสัมภาษณ์ของภรรยานายทหารกัมพูชาไม่ค่อยสอดคล้องกับข้อเท็จจริง เพราะสินค้าจากเวียดนามและจีน ที่ต้องขนส่งอีกทอดจากกรุงพนมเปญ มายัง อ.อัลลองเวง จ.อุดรมีชัย ชายแดนกัมพูชาด้านช่องสะงำ อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ ระยะทางกว่า 400 กิโลเมตร (กม.) นั้น เป็นไปได้ยากที่จะสดใหม่และราคาถูกกว่าตลาดชายแดนช่องสะงำฝั่งไทย ซึ่งอยู่ห่างจากแหล่งขายส่งสินค้าอุปโภคบริโภค เพียงไม่กี่สิบกิโลเมตร เช่น ห่างจากตัวเมือง อ.ภูสิงห์ 35 กม., ห่างจาก อ.ขุขันธ์ ที่กลุ่มพ่อค้าแม่ค้าไทยตลาดชายแดนแห่งนี้นิยมไปรับสินค้ามาขายประมาณ 50-60 กม.เท่านั้น และ ด่านช่องสะงำอยู่ห่างจากตัวเมือง จ.ศรีสะเกษ แค่ 120 กม.




นางบัว ตัง แม่ค้าภรรยานายทหารเขมร
กำลังโหลดความคิดเห็น