ฉะเชิงเทรา- พระครูปลัด ดับเครื่องชนแหลก แฉปมเหตุสร้างนอมินีสงฆ์ ตั้งเจ้าอาวาสวัดโสธรจากคนนอก มีผลประโยชน์ทับซ้อน-แอบแฝง ขณะชาวบ้านแปดริ้วรอบวัด ฮึ่ม! เตรียมรวมพลขนกองทัพนับหมื่นลุยชุมนุมรอบพุทธมณฑล เพื่อคัดค้าน ด้าน มส.พิจารณาแต่งตั้งเจ้าอาวาสวัดโสธรรูปใหม่อังคารนี้ ในขณะบรรยากาศของผู้คนมาทำบุญตลอดวันเริ่มหนาแน่นขึ้น แต่ยังน้อยกว่าปกติทั่วไป ของวันหยุด เสาร์-อาทิตย์
วันนี้ (8 พ.ย.)พระครูปลัดสันติภัทร ชุติปญฺโญ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธร จังหวัดฉะเชิงเทรา กล่าวถึงต้นตอสาเหตุของปัญหาที่แท้จริงของวัดโสธร จากการพยายามแต่งตั้งเจ้าอาวาสวัดรูปใหม่ จากพระนอกวัด เพื่อเป็นการสร้างนอมินี ของพระพรหมสุธี เจ้าคณะภาค 12 ที่มารักษาการเจ้าอาวาสวัดโสธร ตลอด 5 ปีเต็ม ซึ่งที่ผ่านมา ได้มีการเปลี่ยนแปลงแบบธรรมเนียมภายในวัด เพื่อเปิดช่องทางให้บรรดาญาติพี่น้องเข้ามากอบโกยผลประโยชน์จากคนมาทำบุญในวัดโสธร
กรณีการเปลี่ยนเครื่องบูชาเดิม ที่เคยใช้ดอกบัวในการบูชาองค์หลวงพ่อโสธรที่ชาวพุทธถือปฏิบัติกันมาช้านานนับร้อยๆ ปี มาเป็นการใช้ดอกกล้วยไม้แทน ซึ่งดอกกล้วยไม้ที่นำมาจำหน่ายในวัดโสธร เพื่อใช้เป็นเครื่องบูชาในพระอุโบสถหลังใหม่นั้นมีเส้นทางมาจาก อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นธุรกิจของบรรดากลุ่มญาติพี่น้องของ พระพรหมสุธี เจ้าคณะภาค 12 ที่จะนำมาส่งวันเว้นวัน ด้วยรถบรรทุก 6 ล้อ
พระครูปลัดสันติภัทร กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ การบริหารจัดการภายในพระอุโบสถหลังใหม่นั้น ยังมีความไม่โปร่งใสอีกมากมาย และไม่สามารถตรวจสอบได้ โดยเฉพาะตู้บริจาคภายในพระอุโบสถหลังใหม่ทุกใบ เมื่อถึงเวลารวบรวมจะถูกยกนำไปเก็บไว้ภายในสำนักงานของรักษาการเจ้าอาวาส โดยที่ไม่มีคณะกรรมการในการตรวจนับ และไม่มีใครทราบว่ามีการนำเงินไปฝากธนาคารเมื่อใด ผิดไปจากโบสถ์ชั่วคราวหลังเก่าที่จะมีเจ้าหน้าที่ของทางธนาคารมารับฝากเงินถึงที่ และมีคณะกรรมการในการตรวจนับ
ขณะเดียวกัน พระสงฆ์ที่มานั่งรับสังฆทาน ประพรมน้ำมนต์อยู่ภายในพระอุโบสถหลังใหม่นั้น ยังไม่ใช่พระที่วัดโสธรอีกด้วย แต่เป็นพระของกลุ่มพรรคพวกของเจ้าคณะจังหวัด และเจ้าคณะภาค 12 ซึ่งนำมาจากวัดแหลมใต้ อ.เมือง และวัดสนามจันทร์ อ.บ้านโพธิ์ โดยจะมีพระในวัดโสธร ซึ่งเดิมเป็นลูกศิษย์ของ อดีตรองเจ้าอาวาสวัดโสธร (เจ้าคุณสุดใจ) ที่ได้มรณภาพไปแล้ว ที่ได้เคยพยายามแย่งชิงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัด จาก พระราชมงคลวุฒาจารย์ (สุธีร์) อดีตเจ้าอาวาสวัดโสธรรูปเก่า เมื่อปี 2547 ที่ถูก มส.สั่งปลด ด้วยอ้างเหตุว่าแก่ชราภาพ ด้วยวัยขณะนั้น 86 ปี ให้ความร่วมมือ
ขณะเดียวกัน พระพรหมสุธี เจ้าคณะภาค 12 ยังมีความไม่โปร่งใสในการบริหารงานวัดโสธรอีกหลายประการ ทั้งการสร้างพระเครื่อง พระบูชา รุ่น ภปร.หรือรุ่นสมโภชพระอุโบสถหลังใหม่ ที่ได้มีการเปิดรับจอง และปลุกเสกไปก่อนหน้าแล้วนั้น ยังไม่ทราบว่าเงินที่รับจองมูลค่านับสิบล้านบาทไปอยู่ใด มีคณะกรรมการชุดไหนคอยบริหาร หรือตรวจสอบ ซึ่งต่อมาพระรุ่นดังกล่าวได้เกิดปัญหาขึ้นจนถูกเก็บและหายไปในที่สุด
พระครูปลัดสันติภัทร กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังจากสร้างเสร็จแล้ว แต่ยังไม่ได้รับพระบรมราชานุญาต จากนั้นจึงได้หันมาสร้างพระเครื่องรุ่นใหม่อีก คือ รุ่น “สร้างเขื่อน” ขึ้นมาอีกรุ่น ซึ่งได้เปิดให้พุทธศาสนิกชนได้สั่งจอง และปิดรับจองไปแล้ว เมื่อวันที่ 30 ต.ค.2552 ก่อนการหมดวาระของรักษาการเจ้าอาวาส ซึ่งก็ยังไม่รู้ว่าเงินที่รับจองไปอยู่ที่ไหน ถูกนำไปใช้ในการสร้างเขื่อนจริงหรือไม่ จากผลประโยชน์ดังกล่าวภายในวัดโสธร จึงเชื่อว่า เจ้าคณะภาค 12 จึงต้องการที่จะสืบทอดอำนาจในการบริหารงานภายในวัดต่อไป
ปัญหาที่เกิดขึ้นนั้น เพื่อต้องการสร้างนอมินีพระสงฆ์ และพยายามที่จะแต่งตั้งพระพิพิธกิจจาภิวัฒน์ (ประยงค์ ปิยวณฺโณ) อายุ 84 ปี เจ้าคณะอำเภอบางปะกง และเจ้าอาวาสวัดท่าสะอ้าน ซึ่งมีความสนิทสนมใกล้ชิดกัน มาเป็นเจ้าอาวาสวัดโสธร เพื่อเอื้อประโยชน์ให้แก่กัน และสามารถที่จะควบคุมทุกอย่างได้เหมือนกับที่เคยนั่งรักษาการมา ซึ่งอาตมาก็เชื่อว่า พระพิพิธกิจจาภิวัฒน์ นั้น ท่านก็คงจะไม่ได้มุ่งหวังที่จะเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์จากวัดโสธร เนื่องจากเป็นผู้เสียสละตามข่าว และชราภาพมากแล้ว แต่ผู้ที่อยู่เบื้องหลังของท่านต่างหาก ที่ต้องการรักษาผลประโยชน์ของตนเองไว้
พระครูปลัดสันติภัทร กล่าวว่า สำหรับการแต่งตั้งเจ้าอาวาสวัดโสธรนั้น เนื่องจากเป็นพระอารามหลวง จึงต้องมีลำดับขั้น การพิจารณาจากระดับเจ้าคณะจังหวัด เสนอไปยังเจ้าคณะภาค ต่อไปจนถึงระดับหนตะวันออก และเข้ารับการพิจารณาของมหาเถรสมาคม(มส.) ซึ่งจะมี สมเด็จพระพุฒาจารย์ ประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราช (สมเด็จเกี่ยว) เป็นประธานการพิจารณา ในวันที่ 10 พ.ย.2552 นี้ เวลา 14.00 น.
“ขณะนี้ทราบว่า บรรดาลูกศิษย์ของหลวงพ่อโสธรที่ทราบข่าว ต่างได้พากันเตรียมการที่จะเดินทางไปร่วมกันชุมนุมคัดค้านการพิจารณาแต่งตั้งเจ้าอาวาสในครั้งนี้ ที่บริเวณพุทธมณฑล จ.นครปฐม ซึ่งคาดว่าจะมีผู้เดินทางไปร่วมชุมนุมคัดค้านในครั้งนี้นับหมื่นคน” พระครูปลัดสันติภัทร กล่าว
สำหรับบรรยากาศการเดินทางมาทำบุญของบรรดาพุทธศาสนิกชน ที่วัดโสธรในวันนี้ เริ่มมีผู้คนหนาแน่นขึ้น แต่ก็ยังดูบางตา เมื่อเทียบกับวันหยุด เสาร์-อาทิตย์ ทั่วไปในช่วงที่วัดโสธรมีความสงบสุข ส่วนบรรยากาศภายในโบสถ์ทั้งสองหลังได้มีพระสงฆ์มานั่งรับสังฆทาน และประพรมน้ำมนต์ ให้แก่บรรดาญาติโยมตามปกติแล้ว ซึ่งพระส่วนใหญ่ในโบสถ์หลังใหม่ เป็นพระที่มาจากวัดอื่น