xs
xsm
sm
md
lg

ผู้ว่าฯ สุโขทัยโต้ “แม้ว” ยัดข้อหาซื้อเก้าอี้ เตือนคนไทยเลิกรับจ้างม็อบ - รัก “ในหลวง” ต้องทำบ้านเมืองให้สงบ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายจักริน เปลี่ยนวงษ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย
สุโขทัย – พ่อเมืองสุโขทัยออกโรงโต้ หลังถูก “แม้ว” ยัดข้อหาผู้ว่าฯใหม่ ใช้เงิน 9 ล้านซื้อเก้าอี้ ยันหากมีเงินจริงขอเก็บไปทำอย่างอื่นดีกว่า เตือนคนไทยทั่วประเทศหากรัก “ในหลวง” ต้องเร่งทำให้บ้านเมืองสงบสุข เลิกรับจ้างร่วมชุมชนป่วนบ้าน เผาเมือง อย่ายึดติดกับคนคนเดียวที่เสียผลประโยชน์ พร้อมเผยยุทธศาสตร์พัฒนาจังหวัด ยึดหลักพอเพียงเตรียมฟื้นประเพณีเก่าแก่ดึงนักท่องเที่ยวเพิ่ม

หลังจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกมากล่าวอ้างว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดคนใหม่ทั้งหมดที่ขึ้นมาดำรงตำแหน่งล่าสุดต้องจ่ายเงินคนละ 9 ล้านบาท โดยไปขอเอาจากผู้รับเหมาในจังหวัดมาจ่ายก่อนนั้น นายจักริน เปลี่ยนวงษ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย เปิดเผยกับ ASTVผู้จัดการออนไลน์ว่า ไม่เป็นความจริงและตนเองก็ไม่มีเงินมากขนาดนั้น

“ผมเป็นรองผู้ว่าฯ มา 4 ปี ชีวิตการรับราชการเป็นไปตามระเบียบ กฎเกณฑ์ ของกระทรวงมหาดไทย สำหรับเงิน 9 ล้านบาท หากมีผมขอเก็บไว้ทำมาหากินอย่างอื่นดีกว่า และการที่อยู่ในตำแหน่งรองผู้ว่าฯ ผมก็มีความสุขดีอยู่แล้ว”

ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัยบอกอีกว่า ณ วันนี้ ในฐานะคนไทยที่รักและเทิดทูน สถาบันพระมหากษัตริย์ อยากให้คนไทยกลับมารักกันเหมือนเดิม และอยากให้ประชาชนมีสติ ไม่หลงเชื่อ หรือตัดสินใจอะไรง่ายๆ ส่วนผู้ที่พยายามปลุกปั่น สร้างความแตกแยก ใช้เงินจ้างคนที่ไม่รู้เรื่อง ไปรวมตัวกันที่กรุงเทพฯ ให้ดูคล้ายเป็นเสียงคนหมู่มาก แจกเงิน แจกเสื้อ แล้วไปบีบรัฐบาล จนกระทั่งมีการเผาบ้าน เผาเมือง เผารถเมล์ ถือเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง

“ถ้าหากรักพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อย่างแท้จริงเราควรต้องเร่งรีบทำให้บ้านเมืองสงบสุข และอย่ายึดติดกับคนๆ เดียว ที่เสียผลประโยชน์ แล้วใช้เงินมาว่าจ้าง สร้างความแตกแยกให้กับคนในชาติ อีกเลย” ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัยคนล่าสุด กล่าวด้วยความห่วงใย

นายจักรินกล่าวทิ้งท้ายอีกว่า ภูมิลำเนาผมเป็นคนกรุงเทพฯ ก็จริง แต่ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็มีความผูกพัน และจะตั้งใจทำหน้าที่ให้ดีที่สุด การได้มาเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย ถือว่าเป็นเกียรติสูงสุด สำหรับชีวิตข้าราชการของตนแล้ว ส่วนเรื่องการทำงาน ก็คงต้องฟังเสียงประชาชน และเพื่อนข้าราชการในพื้นที่เป็นหลัก หากอะไรดีต่อส่วนรวม ก็จะทำทันที แต่ถ้าจะให้เป็นผู้ว่าฯ เทวดา ที่เก่งอยู่คนเดียว ส่วนตัวผมคงไม่ทำเช่นนั้น

ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย บอกอีกว่า แผนพัฒนาจังหวัดในยุคของตนเองจะมุ่งเน้นแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และการเป็นข้าราชการที่ดีของประชาชน ตั้งแต่ผู้ใหญ่บ้านไปจนถึงหน่วยงานราชการต่างๆ จะต้องสามารถเป็นที่พึ่งพา ได้อย่างแท้จริง

รวมทั้งต้องอำนวยความสะดวก รวดเร็ว อย่างเสมอภาค ให้กับผู้มาใช้บริการ หรือติดต่องานราชการ หากพบมีการร้องเรียน ประชาชนไม่ได้รับความเป็นธรรม หรือถูกเรียกรับสินบน จะต้องถูกดำเนินการตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด และขอย้ำว่า ถูกผิดว่ากันตามข้อเท็จจริง ไม่ควรที่จะมีการมาวิ่งเต้น ช่วยเหลือกัน

“ผมอยากเห็นประชาชนมีความสุข ได้รับความเสมอภาค มาใช้บริการของหน่วยงานรัฐแล้วยิ้มได้ อยากให้ผู้บังคับบัญชาแต่ละหน่วยงาน ให้ความสนใจ และให้ความสำคัญ ควบคุมดูแลผู้ใต้บังคับบัญชา เพราะเรื่องการให้บริการประชาชน เป็นเรื่องของจิตใจ ต้องตระหนัก และมีความสำนึก และคิดว่าเป็นการได้บุญ เพราะได้ช่วยเหลือคน” นายจักริน กล่าวย้ำ

สำหรับการส่งเสริมอาชีพ ยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน พ่อเมืองสุโขทัยบอกว่า จะสำรวจรายได้ และความต้องการอาชีพ แล้วนำข้อมูลมาวิเคราะห์ ความเหมาะสม ก่อนวางแนวทางส่งเสริมต่อไป โดยจะมุ่งเน้นการทำเกษตรปลอดสารพิษ เพราะเป็นที่ต้องการของตลาดจำนวนมาก ส่วนส้มเขียวหวาน ที่มักจะมีผลผลิตล้นตลาด จะมีการแปรรูป เพื่อจำหน่ายในจังหวัด และใกล้เคียง พร้อมกับจะจัดตั้งกองทุนหมุนเวียน ช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกอ้อย รวมทั้งสานต่อโครงการปรับปรุง พัฒนาแหล่งน้ำ เพื่อแก้ปัญหาภัยแล้ง น้ำท่วมซ้ำซาก และจะสนับสนุนให้เกิดอาชีพใหม่ๆ เช่น ธุรกิจบริการสุขภาพ (สปา) สมุนไพร เป็นต้น

ด้านการท่องเที่ยว พ่อเมืองสุโขทัยเปิดเผยว่า นอกจากมรดกโลก ทั้ง 2 แห่ง คือ อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย และอุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย กับงานประเพณีลอยกระทง เผาเทียน เล่นไฟ จังหวัดสุโขทัย ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยว ได้จำนวนมากในแต่ละปี แล้วนั้น

ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย บอกอีกว่า ตั้งใจที่จะให้มีการรื้อฟื้นประเพณีต่างๆ ที่เคยมีมาในอดีต ในแต่ละท้องถิ่น และกำลังจะถูกลืมเลือน เพื่อรักษาไว้คู่วิถีชุมชน และเพื่อให้สุโขทัย มีความน่าสนใจเพิ่มมากขึ้น เช่น งานลอยกระทงสุโขทัย ปีนี้ ได้มีการฟื้นประเพณีเก่าแก่ขึ้นมา คือ การอาบน้ำเพ็งในคืนพระจันทร์เต็มดวง

ซึ่งในสมัยโบราณจะกระทำได้หลายวิธี เช่น พายเรือไปกลางแม่น้ำ หรือลำคลอง หากเห็นเงาพระจันทร์เต็มดวงอยู่ตรงไหน ก็จะทำให้เรือล่มตรงนั้น หรือตักน้ำใส่ตุ่มไว้ รอฤกษ์ที่เงาพระจันทร์ลอยมากลางตุ่ม ก็จะตักน้ำอาบ หรือนำน้ำมนต์จาก 9 วัด มาอาบ แต่จะต้องรอฤกษ์ ทำพิธีพราหมณ์ก่อนด้วย จึงจะถือว่าเป็นการอาบน้ำเพ็งที่สมบูรณ์ ซึ่งตามความเชื่อโบราณ เชื่อกันว่า ถ้าใครได้อาบน้ำเพ็ง ในคืนวันเพ็ญเดือนสิบสอง จะช่วยล้างเคราะห์ที่เรามี

อย่างไรก็ตาม งานลอยกระทงสุโขทัย ปีต่อไป แนวคิดส่วนตัวเห็นว่า น่าจะยืดระยะเวลาจัดงาน เพิ่มจาก 3 วัน เป็น 7 วัน เพราะต้องใช้เวลาเตรียมงานนานเกือบ 2 เดือน การจัดงานแค่ 3 วัน คิดว่าไม่คุ้มค่า และทำให้นักท่องเที่ยวบางส่วนพลาดโอกาส เพราะติดธุระ ทั้งที่ตั้งใจอยากมาเที่ยว ส่วนรูปแบบคิดว่าน่าจะแบ่งเป็น 2 โซน คือ โซนวัฒนธรรมสมัยเก่า และโซนวัฒนธรรมสมัยใหม่

ส่วนที่ บึงใหญ่ , ทุ่งแม่ระวิง และทุ่งทะเลหลวง จะได้ประสานหน่วยงานเกี่ยวข้อง และหารือร่วมกับทุกฝ่าย เพื่อพัฒนาและผลักดัน ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ ต่อไป

สำหรับนายจักริน เปลี่ยนวงษ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย คนปัจจุบัน เกิดเมื่อวันที่ 17 ก.พ. 2498 อายุ 54 ปี เป็นชาวกรุงเทพฯ โดยกำเนิด จบการศึกษาปริญญาตรี ศศ.บ. (รัฐศาสตร์) มหาวิทยาลัยรามคำแหง ปริญญาโท รัฐประศาสนศาสตร์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) และจบการอบรมหลักสูตรโรงเรียนนายอำเภอ รุ่นที่ 32 หลักสูตรนักปกครองระดับสูง รุ่นที่ 35 หลักสูตรวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร รุ่นที่ 49

ได้รับเลือกเป็นข้าราชการพลเรือนดีเด่น ประจำปี 2542 อดีตเป็นนายอำเภอฟากท่า และนายอำเภอน้ำปาด จ.อุตรดิตถ์ นายอำเภอศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย และเป็นผู้ตรวจราชการกรมการปกครอง ต่อมาในปี 2547 ย้ายไปเป็นปลัดจังหวัดชัยภูมิ ปี 2548 รับตำแหน่งเป็นรองผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ และล่าสุดเมื่อวันที่ 1 ต.ค. 2552 ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย คนที่ 38

ขณะเป็นรองผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ นายจักริน เปลี่ยนวงษ์ ได้สั่งตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง และสอบสวนวินัย กรณีกำนันคนหนึ่ง ในพื้นที่ อ.เมืองอุตรดิตถ์ ขึ้นเวทีเสื้อแดง หน้าศาลากลางจังหวัด แล้วกล่าวโจมตีรัฐบาล พร้อมได้กำชับให้เร่งสอบสวนและรายงานผลการดำเนินการอย่างจริงจัง ไม่ปล่อยให้เงียบหายไป เพราะถือเป็นเรื่องใหญ่ในวงราชการ เนื่องจากกำนันเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา ไม่มีสิทธิ์ด่ารัฐบาล หรือผู้บังคับบัญชาทุกระดับ หากไม่ทำอะไร จะเป็นแบบอย่างไม่ดี แก่เจ้าหน้าที่ปกครองรายอื่นได้
กำลังโหลดความคิดเห็น