ศูนย์ข่าวศรีราชา - “สนธิ ลิ้มทองกุล” เปรียบสถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบันเหมือนหมาขี้เรื้อน แตะตรงไหนก็เจ็บมีแต่บาดแผล เหตุเพราะนักการเมืองคอร์รัปชัน แม้แต่ในตลาดหลักทรัพย์ที่ต้องสกัดไม่ให้ จนท.รัฐเข้าไปวุ่นวาย ระบุรัฐบาลมาร์คเข้ามามีแต่ต่อยอดธุรกิจและเพิ่มเม็ดเงินให้ตนเองและพวกพ้อง ทำให้สังคมขาดสมดุล แย้มนโยบาย “พรรคการเมืองใหม่” ทวงคืน ปตท.ให้กลับเป็นสมบัติของชาติอีกครั้ง
คลิกที่นี่ เพื่อฟังนายสนธิ ลิ้มทองกุล กล่าวทวงคืนปตท.
วันนี้ (31 ต.ค2) นายสนธิ ลิ้มทองกุล หัวหน้าพรรคการเมืองใหม่ (ก.ม.ม.) เดินทางมาร่วมแสดงปาฐกถาในงานสัมมนาและประชุมใหญ่ประจำปี 2552 ของชมรมโฉลกดอทคอมที่มีสมาชิกเป็นคนในวงการการลงทุนด้านตลาดหลักทรัพย์ในประเทศ ที่จัดขึ้นที่โรงแรมจอมเทียนปาล์มบีช พัทยา จ.ชลบุรี เพื่อเป็นการพบปะและร่วมแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง และครั้งนี้ถือได้ว่าเป็นครั้งที่ 6 ที่จัดกิจกรรมทำนองเดียวกันนี้
นายสนธิ กล่าวว่า การพัฒนาสังคมและประเทศชาติให้เดินต่อไปได้อย่างถูกทิศทางนั้น สิ่งสำคัญที่ผู้มีอำนาจหรือผุ้บริหารประเทศต้องนำมาใช้คือเรื่องของการเสียสละ ความซื่อสัตย์ ความกล้าหาญ และการทำงานเป็น ซึ่งที่ผ่านมาแสดงให้เห็นแล้วว่ารัฐบาลที่มีโอกาสเข้ามาบริหารประเทศ ไม่มีความใส่ใจต่อเรื่องดังกล่าว ซึ่งจะไม่สามารถสร้างความยั่งยืนให้ประชาชนและประเทศชาติได้ กล่าวคือการเข้ามาบริหารงานของรัฐบาลโดยทั่วไปจะพบว่าเป็นเรื่องของการอยากได้อำนาจเพื่อมาต่อยอดธุรกิจและเพิ่มเม็ดเงินของตนเองและพวกพ้อง ทำให้ไม่เกิดความสมดุลในสังคม
ทั้งนี้ เรื่องของความเสียสละ ความกล้าหาญ ความซื่อสัตย์ และการทำงานเป็น ซึ่งทั้งหมดนี้นับว่าเป็นปรัชญาหลักของพรรคการเมืองใหม่ ในเรื่องของการทำงานให้เป็นคือการทำงานแล้วถูกต้องได้ประโยชน์ทั้งหมดทั้งส่วนรวมเป็นใช่ได้ประโยชน์แค่บางกลุ่ม ซึ่งหากพรรคการเมืองใหม่มีโอกาสได้เข้ามาบริหารประเทศจะสร้างความสมดุลให้แก่สังคม ให้ทุกคนในสังคมมีสิทธิ มีสัดมีส่วนเท่ากัน ทุกวันนี้หลายคนมองว่าใครก็ได้จะโกงก็ได้แต่ขอให้เข้ามาบริหารประเทศให้เศรษฐกิจดีขึ้น เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องที่ผิด เพราะการคอร์รัปชันส่งผลต่อเรื่องเศรษฐกิจอย่างมหาศาล ที่ผ่านมาประเทศไทยถูกบริหารด้วยคนโง่ คือโง่ใช้อำนาจทางการเมืองเข้ามาเพิ่มรายได้ให้ตัวเอง
“สถานการณ์ของประเทศไทยทุกวันนี้เหมือนหมาขี้เรื้อนคือแตะไปตรงส่วนไหนก็เจ็บก็มีบาดแผล เพราะมีการคอร์รัปชัน ตลาดหลักทรัพย์เองก็ต้องมีการปฏิวัติไม่ให้เจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าไปยุ่งวุ่นวาย ทั้งหมดเหล่านี้เกิดมาจากนักการเมืองคอร์รัปชันซึ่งของแบบนี้สมควรที่จะหยุดได้แล้ว” นายสนธิ กล่าว
นายสนธิกล่าวต่อว่า เมื่อปี 2543 คนไทยเป็นหนี้เฉลี่ยครอบครัวละ 62,000 บาทต่อ 1 ครอบครัว แต่ทุกวันนี้คนไทยเป็นหนี้อยู่ที่ประมาณ 140,000 บาทต่อครอบครัว แสดงให้เห็นถึงปัญหาคุณภาพชีวิตซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ และขึ้นอยู่ที่ความกล้าว่าจะกล้าเพื่อการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ และการต่อสู้ที่ผ่านก็แสดงให้เห็นแล้วว่าคนไม่กลัวเจ๊ง คนไม่กลัวตาย เหตุการณ์การต่อสู้ขับไล่นักการเมืองฉ้อฉลตั้งแต่ปี 2548 ก็เป็นเครื่องพิสูจน์ได้ว่า “คนอย่างสนธิ ซื้อไม่ได้” ทั้งนี้ การเลือกตั้งต้องใช้เงินซึ่งพรรคการเมืองจะปฏิเสธไม่ได้ ซึ่งตรงนี้เห็นได้ชัดว่ามีพ่อแม่พี่น้องประชาชนสนับสนุนเราเป้นอย่างมาก เพราะเขาไม่อยากให้ ASTV จอดับ เพราะ ASTV คือสื่อที่เสนอความจริงเป็นที่พึ่งของพวกเขาได้
“CNN ได้มาขอสัมภาษณ์ผม เรื่องที่ ASTV มาขายข้าวสาร ขายผงซักฟอก และเอาเงินที่ได้มาซื้อกล้องมาทำสื่อ มาผลิตสินค้าจำหน่ายให้ประชาชน ซึ่งหากเราอยู่ได้ด้วยตัวเอง เราก็ไม่จำเป็นต้องพึ่งโฆษณา ไม่ต้องตกเป็นทาสของกลุ่มทุน เมื่อก่อนสินค้า ASTV ขายได้เดือนละประมาณ 1 ล้านบาท แต่เดี๋ยวนี้ขายได้เดือนละเกือบ 20 ล้านบาท และในประมาณสิ้นปีหน้า ASTV ก็จะอยู่ได้โดยไม่ต้องพึ่งพาโฆษณา เพราะเรามีประชาชนช่วยสนับสนุนสินค้าอยู่แล้ว เพราะถ้าไม่มี ASTV ก็จะไม่มีพันธมิตรฯ และจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง และถือได้เป็นสถานีโทรทัศน์แห่งแรกที่ขายสินค้าให้ประชาชน” นายสนธิระบุ
ว่าที่หัวหน้าพรรคการเมืองใหม่ บอกด้วยว่า หากได้มาเป็นรัฐบาลต้องทวงคืน ปตท.กลับมาเป็นของรัฐ ทุกวันนี้เข้าตลาดหลักทรัพย์ ผลประโยชน์ก็อยู่ที่ผู้ถือหุ้นใน ปตท. แต่ความเจ็บช้ำมาอยู่ที่ประชาชนเพราะประชาชนต้องซื้อน้ำมันที่แพงขึ้น นี่คือแนวทางการทำงานของพรรคการเมืองใหม่ ที่หวังเป็นอย่างยิ่งที่จะคืนความสมดุลให้ประเทศไทย