บุรีรัมย์ - โรงตึ๊งเทศบาลเมืองบุรีรัมย์ ปรับเพิ่มเพดานรับจำนำทองคำรูปพรรณ จากบาทละ 10,000 เป็น 12,000 บาท ตามราคาทองคำที่พุ่งสูงด้าน ปชช.แห่นำทองจำนำและขอเพิ่มยอดเงินอื้อกว่าเท่าตัว แต่ส่วนใหญ่ไม่มีเงินไถ่ถอนเหตุจำนำไว้สูง เผย เตรียมเงินสดและเงินทุนหมุนเวียนรองรับเปิดเทอมร่วม 200 ล้าน คาด ผู้ปกครองซมพิษวิกฤต ศก.ใช้บริการมากกว่าทุกปี
วันที่ (21 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่สถานธนานุบาล เทศบาลเมืองบุรีรัมย์ ได้มีประชาชนนำทองคำรูปพรรณมาจำนำ และขอเพิ่มยอดเงินจำนำเป็นจำนวนมาก หลังสถานธนานุบาลเทศบาลเมืองบุรีรัมย์ ได้ปรับกลยุทธ์เพื่อแข่งขันกับร้านค้าทอง โดยการปรับเพิ่มเพดานรับจำนำทองคำรูปพรรณจากบาทละ 10,000 บาท เป็นบาทละ 12,000 บาท สอดคล้องกับราคาทองคำได้ปรับพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องถึงกว่าบาทละ 17,000 บาท
ตั้งแต่เดือน ก.ย.ที่ผ่านมา จนถึงขณะนี้ ได้มีประชาชนมาใช้บริการทั้งจำนำ-ไถ่ถอนที่สถานธนานุบาล เทศบาลเมืองบุรีรัมย์ วันละ 500-600 ราย ใช้เงินหมุนเวียนในการจำนำไถ่ถอนเฉลี่ยวันละ 4-5 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นกลุ่มลูกค้าที่นำทองคำรูปพรรณมาจำนำ และขอเพิ่มยอดเงินจำนำมากกว่า 60% จากช่วงปกติจะมีประชาชนมาใช้บริการวันละ 200-300 ราย ใช้เงินในการจำนำไถ่ถอนวันละกว่า 2 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ราคาทองจะปรับสูงขึ้น แต่ยังมีประชาชนมาไถ่ถอน เพื่อจะนำไปขายตามร้านทองน้อย เนื่องจากส่วนใหญ่จำนำไว้ในราคาสูง จึงยังไม่มีเงินมาไถ่ถอนไปขาย
นายไพศาล โพธิ์มีศรี ผู้จัดการสถานธนานุบาล เทศบาลเมืองบุรีรัมย์ กล่าวว่า ทางสถานธนานุบาลได้เตรียมเงินสดจำนวน 43 ล้านบาท และเงินทุนหมุนเวียนอีกกว่า 135 ล้านบาท ไว้รองรับบริการประชาชนที่จะใช้บริการ
ขณะเดียวกัน ในช่วงเปิดภาคเรียนที่ใกล้จะถึงนี้ ทางสถานธนานุบาล เทศบาลเมืองบุรีรัมย์ ได้เตรียมเงินสดกว่า 42 ล้านบาท และเงินทุนหมุนเวียนที่มีอยู่อีกกว่า 153 ล้านบาท รวมทั้งสิ้นกว่า 195 ล้านบาท ไว้รองรับบริการพ่อแม่ผู้ปกครองนักเรียน ที่จะนำสิ่งของมีค่ามาจำนำเพื่อนำเงินไปใช้จ่าย และซื้อเครื่องเขียน แบบเรียนให้กับบุตรหลานในช่วงเปิดเทอม
ทั้งนี้ คาดว่า ปีนี้จะมีพ่อแม่ผู้ปกครองมาใช้บริการมากกว่าทุกปีที่ผ่านมา เนื่องจากปัญหาภาวะวิกฤตเศรษฐกิจ ทำให้หลายครอบครัวขาดสภาพคล่องทางด้านการเงิน พร้อมทั้งได้แจ้งเตือนประชาชน อย่าได้นำสิ่งของมีค่าไปฝากหรือจำนำไว้กับแหล่งเงินทุนนอกระบบ เพราะนอกจากจะมีอัตราดอกเบี้ยที่สูงแล้ว ยังเสี่ยงต่อทรัพย์สินสูญหายอีกด้วย
นายไพศาล ยังกล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ทางสถานธนานุบาลเทศบาลเมืองบุรีรัมย์ ยังจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย เพื่อช่วยเหลือแบ่งเบาภาระให้กับประชาชนในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจด้วย โดยเงินต้นไม่เกิน 5,000 บาท จะคิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ .50 สตางค์ จากเดิมร้อยละ 75 สตางค์ เงินต้น 5,000-30,000 บาท คิดดอกเบี้ยร้อยละ 1 บาท จากเดิมคิดร้อยละ 1.25 บาท และเงินต้น 30,000 บาทขึ้นไป คิดดอกเบี้ยร้อยละ 1.25 บาท จากเดิมคิดดอกเบี้ยร้อยละ 1.50 บาท โดยจะเริ่มปรับลดตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.นี้ เป็นต้นไป