กาฬสินธุ์ - พบเด็กหญิงวัยเพียง 4 ขวบ มีอาการพิการทางสมอง ถูกแม่ล่ามโซ่ขังไว้ใต้ถุนบ้านเพียงลำพังกับ ยายที่ตาบอด ทั้งนี้สาเหตุเกิดจากปัญหาครอบครัวที่ยากจนและเด็กหญิงมีอาการออทิสติก ทำให้ผู้เป็นแม่ต้องจำใจล้ามโซ่ลูกในไส้และแม่บังเกิดเกล้าของตนเอง วอนให้สังคมช่วยเมตตาด้วย
ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดกาฬสินธุ์ ได้รับแจ้งจาก นางสมคิด สุทธิพรม หัวหน้างานกระตุ้นพัฒนาการเด็ก โรงพยาบาลกาฬสินธุ์ ในฐานะประธานชมรมส่งเสริมและพัฒนาปัญญาจ.กาฬสินธุ์ และกรรมการสภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทยว่า ในเขตพื้นที่อำเภอยางตลาดพบเด็กหญิงวัยเพียง 4 ขวบ มีอาการพิการทางสมอง ถูกแม่ของตนเองล่ามโซ่ขังไว้ใต้ถุนบ้านเพียงลำพังกับยายที่ตาบอด
จึงพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยงข้องเดินทางให้ความช่วยเหลือ ที่บ้านเลขที่ 134 หมู่ 11 บ้านคำเจริญ ต.หัวนาคำ อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ เป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้นยกใต้ถุนสูง เจ้าหน้าที่ พบนางพร ภูผิวฟ้า อายุ 68 ปี เจ้าของบ้านเป็นหญิงชราตาบอด กำลังเดินสาระวนหาอาหารกินอยู่ภายในบ้าน และถัดเข้าไปบริเวณใต้ถุนบ้าน พบ ด.ญ.นฤมล แก้วไชยะ หรือน้องนุ่น อายุ 4 ขวบ บุตรของ นางลุนนี แก้วอุดม อายุ 36 ปี ที่บริเวณขาด้านซ้ายมีโซ่ล่ามเอาไว้ในสภาพที่มอมแมมและส่งเสียงร้องโหยหวนอยู่ตลอดเวลา
นางลุนนี แก้วอุดม อายุ 36 ปี แม่ของน้องนุ่น กล่าวทั้งน้ำตาว่า ตนเองเป็นคนที่ตัดสินใจล่ามโซ่ลูกสาวของตนเอง เนื่องจาก น้องนุ่นมีความบกพร่องทางสมอง ที่แสดงอาการรุนแรงมาก คือ ซุกซน ไม่อยู่นิ่ง ชอบวิ่งตลอดเวลา ขณะที่นางพรผู้เป็นแม่ก็ชรา และตาบอดมาตั้งแต่กำเนิด แทบจะช่วยเหลือตนเองไม่ได้ อีกทั้งครอบครัวก็มีฐานะยากจนมากไม่มีอาชีพจนต้องหันไปเก็บขยะ
“ในวันที่ตนเก็บขยะ เพื่อนำมาขายหาเงินซื้อข้าวสารเลี้ยงชีพพอประทังชีวิตไปวันๆ จึงจำเป็นต้องล่ามโซ่น้องนุ่นไว้ เพราะกลัวว่าจะถูกรถชน หรือไปเที่ยวซุกซนที่อื่นได้รับอันตรายและที่ทำไปก็ทำอย่างจำใจไม่รู้จะหาทางแก้ยังไง เพราะต้องหาเงินเลี้ยงลูกเลี้ยงแม่ สามีที่เคยอยู่กินกันมา 2 ปีก็ทิ้งไปแต่งงานใหม่ อาชีพที่ทำตอนนี้คือออกหาเก็บขยะไปขายวันหนึ่งมีรายได้วันละ 50-100 บาทก็เอามาไว้เป็นค่าใช้จ่ายและซื้อข้าวปลาอาหารไว้กิน ปล่อยลูกทิ้งไว้กับแม่ที่ตาบอดแม่ก็ดูแลไม่ได้ก็ต้องล่ามโซ่ไว้ผูกติดไว้กับแคร่ใต้ถุนบ้าน จะพึ่งพาญาติพี่น้องที่ไหนก็ไม่มีแล้ว” นางลุนนีกล่าว
ด้าน นางสมคิด สุทธิพรม หัวหน้างานกระตุ้นพัฒนาการเด็กฯ กล่าวว่า หลังได้รับรายงาน ได้นำคณะฯลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่า ครอบครัวน้องนุ่นน่าสงสารมาก เนื่องจากฐานะยากจน อาศัยอยู่กับยายที่ตาบอดปิดสนิททั้ง 2 ข้าง ส่วนผู้เป็นแม่ของน้องนุ่นคือนางลุนนี เป็นหญิงม่ายถูกสามีทิ้งตั้งแต่คลอดน้องนุ่น ไม่มีที่ทำกิน จึงต้องหันมาเก็บขยะขาย มีรายได้วันละ 10-20 บาท ซึ่งนับว่าน้อยมากและไม่พอกับค่าใช้จ่ายในครัวเรือน จึงทำให้สภาพความเป็นอยู่แร้นแค้นขัดสนมาก
นางสมคิดกล่าวอีกว่า นอกจากน้องนุ่นจะเป็นเด็กที่มีความบกพร่องทางปัญญา จัดอยู่ในกลุ่มดาวน์ซินโดรมหรือออทิสติค ที่มีอาการรุนแรงดังกล่าวแล้ว ยังพบว่ามีโรคประจำตัวคือโรคหัวใจและไทรอยด์อีกด้วย จึงควรที่จะได้รับการบำบัดรักษาเป็นการด่วน ก่อนที่อาการจะทรุดหนัก
สำหรับแนวทางช่วยเหลือ เบื้องต้นได้มอบเงินให้จำนวนหนึ่ง และรับน้องนุ่นเข้าคลินิกกระตุ้นพัฒนาการเด็กโรงพยาบาลกาฬสินธุ์ พร้อมทั้งแนะอาชีพร้อยลูกปัดให้กับนางลุนนี ที่สามารถนำมาจัดทำที่บ้านได้ ซึ่งก็พอที่จะช่วยให้มีรายได้ดีกว่าที่ผ่านมา และสามารถดูแลน้องนุ่นขณะทำงานได้
ทั้งนี้ หากใครมีความประสงค์จะช่วยเหลือครอบครัวน้องนุ่น เด็กปัญญาอ่อนที่ถูกยายตาบอดล่ามโซ่ไว้ สามารถติดต่อช่วยเหลือที่บ้านเลขที่ 134 หมู่ 11 บ้านคำเจริญ ต.หัวนาคำ อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์




