พิจิตร - อัยการพิจิตรสั่งฟ้องคดี ผอ.กองคลัง-เจ้าพนักงานพัสดุ เทศบาลเมืองพิจิตร ปฏิเสธขายเอกสารสอบราคาจ้างเหมาให้เอกชนแล้ว หลังผู้เสียหายแจ้งความตั้งแต่ปี 48
วันนี้ (13 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานจากสำนักงานอัยการจังหวัดพิจิตรว่า นายประภาส บุญเสรฐ อัยการจังหวัดพิจิตร ได้เป็นโจทก์ในคดีหมายเลขดำที่ 1494/2552 เพื่อดำเนินคดี นางจรรยา สุขเจริญพงษ์ อายุ 56 ปี เป็นเจ้าพนักงานในตำแหน่ง ผอ.กองคลังเทศบาลเมืองพิจิตร และ นางจิราพร ตุ้มประสิทธิ์ อายุ 49 ปี เป็นเจ้าพนักงานในตำแหน่ง เจ้าพนักงานพัสดุ 6 ว.เทศบาลเมืองพิจิตร ในข้อหาฐานความผิดเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหน้าที่ หรือ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดผิดตาม ม.157
ทั้งนี้ มีผู้เสียหายเป็นผู้รับเหมาเป็นโจทก์จำนวน 5 ราย ได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองพิจิตร ให้ดำเนินคดีต่อจำเลยทั้งสอง กล่าวคือ เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2548 ในเวลาราชการ จำเลยทั้งสองมีหน้าที่ขายเอกสารสอบราคาจ้างเหมาติดตั้งสัญญาณไฟจราจร ป้ายจราจร ของเทศบาลเมืองพิจิตร ตามประกาศเทศบาลเมืองพิจิตร เรื่อง สอบราคาจ้างเหมาติดตั้งสัญญาณไฟจราจร ป้ายจราจร ลงวันที่ 2 มิถุนายน 2548 ได้ร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
โดยอาศัยโอกาสที่ตนมีหน้าที่เกี่ยวกับการพัสดุ การจัดซื้อ จัดจ้าง การจัดทำสัญญาณหรือข้องตกลง และมีหน้าที่ขายเอสารสอบราคาจ้างเหมาติดตั้งสัญญาณไฟจราจร ป้ายจราจร ดังกล่าว ปฎิเสธการขายเอกสารสอบราคา ให้แก่ ห้างหุ้นส่วนจำกัด ดีอาร์ที เทรดดิ้ง โดยมี น.ส.สมศรี ด่านรุ่งโรจน์ ผู้เสียหายที่ 1 ห้างหุ้นส่วนจำกัดก้อนเพชร โดยนางวรรณธิดา สหัสธรรมรังสี ผู้เสียหายที่ 2 ห้างหุ้นส่วนจำกัด พ.วิริยะก่อสร้าง โดยนายพงศ์พันธ์ หงส์ดวง ผู้รับมอบอำนาจ ผู้เสียหายที่ 3 ห้างหุ้นส่วนจำกัด โรจนากร โดยนายภิญโญ ตั้งพาณิชย์ ผู้รับมอบอำนาจ ผู้เสียหายที่ 4 ห้างหุ้นส่วนจำกัด วงศ์สระหลวงก่อสร้าง โดยนางนิภาพร เพ็งสลุด ผู้รับมอบอำนาจ ผู้เสียหายที่ 5
จึงเป็นการตัดโอกาสของผู้เสียหายที่ 1-5 ในการที่จะเข้าเสนอราคาเหมาติดตั้งสัญญาณไฟจราจร ป้ายจราจร ดังกล่าว ทำให้ผู้เสียหายที่ 1-5 ได้รับความเสียหาย และทำให้เทศบาลเมืองพิจิตร สูญเสียรายได้จาการขายเอกสารสอบราคาดังกล่าวเป็นเงินจำนวน 15,000 บาท จึงได้ถูกแจ้งความและดำเนินคดี แต่จำเลยทั้งสองคนปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา แต่หลักฐานปรากฏเด่นชัด จนสามารถรวบรวมสำนวนสั่งฟ้องได้ ซึ่งศาลได้ประทับรับฟ้องและจะนัดสืบพยานทั้งโจทก์และจำเลย เพื่อพิจารณาพิพากษาด้วยความยุติธรรมต่อไป
วันนี้ (13 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานจากสำนักงานอัยการจังหวัดพิจิตรว่า นายประภาส บุญเสรฐ อัยการจังหวัดพิจิตร ได้เป็นโจทก์ในคดีหมายเลขดำที่ 1494/2552 เพื่อดำเนินคดี นางจรรยา สุขเจริญพงษ์ อายุ 56 ปี เป็นเจ้าพนักงานในตำแหน่ง ผอ.กองคลังเทศบาลเมืองพิจิตร และ นางจิราพร ตุ้มประสิทธิ์ อายุ 49 ปี เป็นเจ้าพนักงานในตำแหน่ง เจ้าพนักงานพัสดุ 6 ว.เทศบาลเมืองพิจิตร ในข้อหาฐานความผิดเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหน้าที่ หรือ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดผิดตาม ม.157
ทั้งนี้ มีผู้เสียหายเป็นผู้รับเหมาเป็นโจทก์จำนวน 5 ราย ได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองพิจิตร ให้ดำเนินคดีต่อจำเลยทั้งสอง กล่าวคือ เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2548 ในเวลาราชการ จำเลยทั้งสองมีหน้าที่ขายเอกสารสอบราคาจ้างเหมาติดตั้งสัญญาณไฟจราจร ป้ายจราจร ของเทศบาลเมืองพิจิตร ตามประกาศเทศบาลเมืองพิจิตร เรื่อง สอบราคาจ้างเหมาติดตั้งสัญญาณไฟจราจร ป้ายจราจร ลงวันที่ 2 มิถุนายน 2548 ได้ร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
โดยอาศัยโอกาสที่ตนมีหน้าที่เกี่ยวกับการพัสดุ การจัดซื้อ จัดจ้าง การจัดทำสัญญาณหรือข้องตกลง และมีหน้าที่ขายเอสารสอบราคาจ้างเหมาติดตั้งสัญญาณไฟจราจร ป้ายจราจร ดังกล่าว ปฎิเสธการขายเอกสารสอบราคา ให้แก่ ห้างหุ้นส่วนจำกัด ดีอาร์ที เทรดดิ้ง โดยมี น.ส.สมศรี ด่านรุ่งโรจน์ ผู้เสียหายที่ 1 ห้างหุ้นส่วนจำกัดก้อนเพชร โดยนางวรรณธิดา สหัสธรรมรังสี ผู้เสียหายที่ 2 ห้างหุ้นส่วนจำกัด พ.วิริยะก่อสร้าง โดยนายพงศ์พันธ์ หงส์ดวง ผู้รับมอบอำนาจ ผู้เสียหายที่ 3 ห้างหุ้นส่วนจำกัด โรจนากร โดยนายภิญโญ ตั้งพาณิชย์ ผู้รับมอบอำนาจ ผู้เสียหายที่ 4 ห้างหุ้นส่วนจำกัด วงศ์สระหลวงก่อสร้าง โดยนางนิภาพร เพ็งสลุด ผู้รับมอบอำนาจ ผู้เสียหายที่ 5
จึงเป็นการตัดโอกาสของผู้เสียหายที่ 1-5 ในการที่จะเข้าเสนอราคาเหมาติดตั้งสัญญาณไฟจราจร ป้ายจราจร ดังกล่าว ทำให้ผู้เสียหายที่ 1-5 ได้รับความเสียหาย และทำให้เทศบาลเมืองพิจิตร สูญเสียรายได้จาการขายเอกสารสอบราคาดังกล่าวเป็นเงินจำนวน 15,000 บาท จึงได้ถูกแจ้งความและดำเนินคดี แต่จำเลยทั้งสองคนปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา แต่หลักฐานปรากฏเด่นชัด จนสามารถรวบรวมสำนวนสั่งฟ้องได้ ซึ่งศาลได้ประทับรับฟ้องและจะนัดสืบพยานทั้งโจทก์และจำเลย เพื่อพิจารณาพิพากษาด้วยความยุติธรรมต่อไป
