พิจิตร - โรงงานผลิตไฟฟ้าพลังแกลบวิกฤติหนัก เหตุวัตถุดิบขาดแคลน ต้องประกาศหยุดเดินเครื่อง หวั่นกระทบต่อระบบความมั่นคงของสาธารณูปโภค หลังรัฐปล่อยผุดโรงงานแย่งกันใช้วัตถุดิบ แนะ ก.พลังงาน และภาครัฐทบทวนนโยบายการใช้วัสดุเหลือใช้ให้เป็นระบบ
นายนที สิทธิประศาสน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท เอ.ที.ไบโอพาวเวอร์ จำกัด หรือโรงผลิตไฟฟ้าพลังแกลบ ซึ่งตั้งอยู่ที่ 99 หมู่ 2 ต.หอไกร อ.บางมูลนาก จ.พิจิตร เปิดเผยว่า ขณะนี้โรงไฟฟ้ากำลังประสบปัญหาวิกฤติขาดแคลนแกลบ ที่ใช้เป็นวัตถุดิบผลิตกระแสไฟฟ้า มากถึงวันละ 550 ตันต่อวัน โดยจะรับซื้อจากโรงสีในเขตจังหวัดพิจิตร นครสวรรค์ พิษณุโลก ในราคาตันละ 1,050 บาท สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้วันละ 20 เมกะวัตต์ เพื่อขายให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค อันเป็นการใช้วัสดุเหลือใช้ให้เป็นประโยชน์ และเพิ่มมูลค่าของผลิตภัณฑ์ข้าว ช่วยให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว โรงสีมีรายได้เพิ่มขึ้น นอกเหนือจากการทำการเกษตรและการทำโรงสี
ปรากฏว่าช่วงนี้แกลบที่ใช้เกิดขาดตลาด เพราะรัฐบาลให้ใบอนุญาตกับโรงงานไฟฟ้าชีวมวลลักษณะเดียวกันเพิ่มมากขึ้น โดยมิได้มองถึงวัตถุดิบที่มีภายในประเทศ ว่าปีหนึ่งๆ ประเทศไทยผลิตข้าวได้ประมาณ 30 ล้านตันต่อปี แกลบก็จะมีเพียง 6-7 ล้านตันต่อปี ซึ่งนอกจากโรงผลิตไฟฟ้าชีวมวล หรือโรงไฟฟ้าพลังแกลบจะต้องใช้แกลบเป็นวัตถุดิบแล้ว โรงงานปูนซีเมนต์ ฟาร์มไก่ เตาเผาอิฐ และอีกหลายธุรกิจ ก็ใช้แกลบเป็นวัสดุ
นอกจากนี้ โครงการรับจำนำข้าวที่ผ่านมาก็เป็นผลกระทบต่อการขาดแคลนแกลบซึ่งเป็นวัตถุดิบของโรงงานไฟฟ้าชีวมวล เพราะรัฐบาลสั่งการให้โรงสีทำการรับจำนำข้าวเปลือกจากชาวนา แต่ข้าวค้างสต็อกขายออกนอกประเทศไม่ได้ ข้าวสารเต็มโกดัง ข้าวเปลือกที่รับจำนำเข้ามาใหม่จึงไม่มีคำสั่งให้แปรรูปเป็นข้าวสาร ก็ทำให้ไม่มีแกลบหมุนเวียน จนเป็นเหตุให้โรงงานไฟฟ้าชีวมวล ทำให้ความต้องการใช้งานมีมากกว่าวัตถุดิบ เป็นเหตุให้โรงงานไฟฟ้าชีวมวล ต้องสั่งหยุดกิจการตั้งแต่ วันที่ 1 ตุลาคม เป็นต้นมาจนถึงขณะนี้ และยังคาดว่าอาจจะต้องหยุดยาวไปถึงกลางเดือนพฤศจิกายน จึงจะมีผลผลิตข้าวเปลือกป้อนเข้าสู่โรงสีเพื่อแปรรูปเป็นข้าวสารและมีแกลบเป็นวัสดุเหลือใช้ขายให้กับโรงงานไฟฟ้าอีกครั้ง
แต่ในส่วนของคนงาน เจ้าหน้าที่ จำนวน 80 คน ทางโรงงานก็ยังคงว่าจ้าง และจ่ายเงินเดือนให้ตามปกติ เพราะเป็นเหตุสุดวิสัยที่ผู้บริหารจะต้องแสดงความรับผิดชอบ
CEO โรงงานไฟฟ้าชีวมวล เอ.ที.ไบโอพาวเวอร์ หรือโรงงานไฟฟ้าพลังแกลบพิจิตร กล่าวว่า สิ่งที่น่าเป็นห่วงในภาพโดยรวม คือ การที่โรงงานหยุดผลิตกระแสไฟฟ้าป้อนให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคนี้ อาจมีผลกระทบต่อระบบความมั่นคงของสาธารณูปโภค เพราะการจ่ายกระแสไฟจะต้องนำกระแสไฟบางส่วนมาจากที่อื่น อาจมีผลให้แรงดันไฟฟ้าลดลงหรือสูญหาย ระหว่างการถ่ายเทพลังงาน ซึ่งอาจทำให้บางพื้นที่เกิดกระแสไฟฟ้าตก มีผลต่อเครื่องใช้ไฟฟ้าและระบบคอมพิวเตอร์ที่จัดเก็บข้อมูลต่างๆ ดังนั้น ควรต้องมีหม้อแปลงไฟสำรองเป็นตัวป้องกันระบบความปลอดภัย