ศูนย์ข่าวศรีราชา - “แปซิฟิค พาร์ค” ไม่หวั่นกระแสแข่งขันทางธุรกิจหลังศูนย์การค้าใหญ่-เล็ก รวมถึงดิสเคานต์สโตร์ทั้งต่างถิ่นและในพื้นที่แห่ขยายสาขารับกำลังซื้อ เผยที่ผ่านมามีการปรับแผนตลาดและปรับปรุงพื้นที่เพื่อให้ทันต่อความนิยมทางการตลาดอยู่ตลอดเวลา แต่ยอมรับการเข้ามาของห้างสรรพสินค้าและดิสเคานต์สโตร์ต่างถิ่นทั้ง เซ็นทรัลฯ คาร์ฟูร์ และบิ๊กซี มีผลต่อยอดการใช้บริการของกลุ่มลูกค้าประจำที่หายไปกว่า 5%
นายสมบูรณ์ วรปัญญาสกุล กรรมการผู้จัดการ แปซิฟิค พาร์ค กรุ๊ป ผู้บริหารศูนย์การ ค้าแปซิฟิคพาร์ค ศรีราชา ซึ่งเปิดให้บริการในพื้นที่อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรีมานานถึง 12 ปี เผยถึงการแข่งขันในธุรกิจศูนย์การค้าในจังหวัดชลบุรีว่า เริ่มรุนแรงขึ้นหลังการขยายสาขาเข้ามาในพื้นที่จังหวัดชลบุรีของทั้งกลุ่มนักพัฒนาที่ดินรายใหญ่อย่างกลุ่มเซ็นทรัล ที่ผุดสาขาใหม่ในปีเดียวกันถึง 2 สาขาทั้งพัทยา และเมืองชลบุรี หรือแม้แต่ดิสเคานต์สโตร์ของกลุ่มทุนไทยและต่างชาติอย่าง คาร์ฟูร์ บิ๊กซี และเทสโก้ โลตัส ซึ่งในปี 2552 นอกจากธุรกิจศูนย์การค้าจะต้องเจอกับภาวะการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นแล้วยังต้องเผชิญกับการชะลอตัวทางเศรษฐกิจที่มีผลต่อการใช้จ่ายของประชาชนในพื้นที่
ผลประกอบการของศูนย์การค้าแปซิฟิค พาร์ค ศรีราชาในช่วง 3 ไตรมาสของปี 2552 พบตัวเลขนักชอปและกลุ่มผู้ใช้บริการหายไปไม่น้อยกว่า 5% ของจำนวนผู้ใช้บริการที่มีทั้งสิ้นประมาณ 4 หมื่นคนในช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ แต่ในส่วนของยอดขายรวมยังไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด
“ผลประกอบการของเราในปีนี้คงจะไม่ได้รับผลกระทบมากนัก ทั้งจากภาวะเศรษฐกิจ และการเข้ามาแชร์ตลาดของกลุ่มผู้ประกอบการต่างถิ่น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะสินค้าหลักที่เราจำหน่ายไม่ใช่สินค้าที่มีราคาแพง จึงสามารถแยกกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้อย่างชัดเจน ขณะเดียวกันการเปิดใหม่ของห้างสรรพสินค้าส่วนกลาง ซึ่งตั้งอยู่ในจุดใจกลางเมืองชลบุรี และเมืองพัทยา ทำให้แยกกลุ่มลูกค้าจากเราค่อนข้างชัด โดยศูนย์การค้าแปซิฟิค พาร์ค ศรีราชา จะมีมีกลุ่มลูกค้าหลักคือกลุ่มคนทำงาน วัยรุ่นและประชาชนทั่วไปที่อาศัยอยู่ในรัศมีเขตบางแสน แหลมฉบัง และกลุ่มผู้มีกำลังซื้อในจังหวัดระยอง”
นายสมบูรณ์ยังเผยถึงการรับมือกับภาวการณ์แข่งขันและกระแสเศรษฐกิจว่า นอกจากศูนย์การค้าฯ จะต้องปรับรูปแบบการตลาด และปรับพื้นที่ภายในเพื่อให้สอดคล้องกับความนิยมทางการตลาดของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายในพื้นที่อยู่ตลอดเวลาแล้ว การจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายเพื่อกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายมากขึ้นก็ถือเป็นกลยุทธ์หลักที่ใช้ในปี 2552 และยังจะใช้ต่อไปจนถึงปีหน้า ขณะที่ในช่วงปลายปียังจะโหมกิจกรรมส่งเสริมการขายและจัดโปรโมชั่นพิเศษในอีกหลายรูปแบบ เพื่อให้เกิดความคึกคักทางการตลาดอีกด้วย