เชียงราย – ประธานชมรมกำนัน 17 จังหวัดภาคเหนือ ชี้ การเปลี่ยนแปลงที่มา “กำนัน” ทำสังคมแตกแยกหนัก ระบุให้ ผญบ.เลือก ทำให้ซื้อเสียงง่าย คนดีหมดโอกาสทำงาน เตรียมเสนอรื้อใหม่
นายอินหวัน บั้งเงิน อุปนายกสมาคมกำนันผู้ใหญ่บ้านแห่งประเทศไทย และประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้าน 17 จังหวัดภาคเหนือ รวมทั้งประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้าน จ.เชียงราย เปิดเผยว่า จากกรณีที่ตำแหน่งกำนันในประเทศไทย มีการเปลี่ยนแปลงที่มาอย่างต่อเนื่องนั้น ได้ทำให้เกิดปัญหาในทางปฏิบัติอย่างขนานใหญ่ โดยเฉพาะก่อให้เกิดความแตกแยกในสังคมชนบทอย่างหนัก
โดยเฉพาะกรณีกำหนดให้ตำแหน่งกำนันต้องมาจากการเลือกตั้งของผู้ใหญ่บ้าน ไม่ต้องผ่านการเลือกตั้งจากชาวบ้านโดยตรง ซึ่งเรื่องนี้ตนไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งแต่เมื่อมีการถือปฏิบัติผ่านพ้นกันไปแล้ว ก็ได้แต่เห็นถึงสภาพปัญหาและต้องมีการผลักดันเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในอนาคตต่อไป
นายอินหวัน กล่าวว่า การเลือกตั้งกำนันในอดีตให้ชาวบ้านมีสิทธิเลือกตั้งได้ ทั้งผู้ใหญ่บ้านและกำนัน กรณีของกำนันเมื่อชาวบ้านเลือกตั้ง ถือว่าได้รับการยอมรับจากเสียงชาวบ้านส่วนใหญ่ จึงทำงานอย่างเสียสละและเป็นที่เคารพของชาวบ้านทุกหมู่บ้านทั่วไป
หลังจากกำหนดให้ตำแหน่งกำนันมาจากการเลือกตั้งของผู้ใหญ่บ้านเท่านั้น ซึ่งก่อให้เกิดเหตุช่องว่างในการซื้อสิทธิ์ขายเสียงกันอย่างหนัก เช่น หากมีหมู่บ้านในตำบล 10 หมู่บ้านก็ทำให้มีการทุ่มเม็ดเงินซื้อผู้ใหญ่บ้านให้ได้ซัก 6 หมู่บ้าน ก็จะได้เป็นกำนันแล้ว เป็นต้น โดยที่ไม่ต้องหว่านเม็ดเงินไปซื้อเสียงในระดับหมู่บ้านให้ยุ่งยากเหมือนเดิม แต่ปัญหาคือคนที่ได้เป็นอาจเป็นคนที่ทำงานไม่เป็น เข้าไม่ถึงชาวบ้าน ไม่เข้าใจหลักการปกครองในฐานะกำนันที่ทรงคุณวุฒิ รวมทั้งทำให้เกิดปัญหาความขัดแย้งในหมู่ชาวบ้าน เพราะเขาไม่ได้เลือกโดยตรง หรือแม้แต่ในบรรดาผู้ใหญ่บ้านเองคนที่ไม่ได้เลือกก็อาจจะมองหน้ากันไม่ติด เป็นต้น
นายอินหวัน กล่าวอีกว่า ปัญหานี้คงจะยืดเยื้อต่อไปจนกว่าจะมีการแก้ไข เพราะในปัจจุบันผู้ที่จะดำรงตำแหน่งกำนันมี 3 ประเภทคือคนรุ่นเก่าแก่ที่กำหนดให้ทำงานไปจนถึงอายุเกษียณหรือ 60 ปีขึ้นไป ประเภทที่สองคนที่ได้รับการเลือกตั้งใหม่หลัง ก.ค.2535 ให้อยู่ในตำแหน่งคราวละ 5 ปี และประเภทที่สามผู้ที่เข้ามาใหม่หลังวันที่ 6 เม.ย.2551 ก็ให้กลับไปใช้กฎเกณฑ์เดิม คือ อยู่ไปจนถึงเกษียณอายุ 60 ปี ซึ่งกรณีของตำแหน่งกำนันที่มาจากการเลือกตั้งของผู้ใหญ่บ้านบางส่วนก็อยู่ในกฎเกณฑ์ที่อยู่ไปจนถึงเกษียณอายุ 60 ปี ด้วยทำให้เกิดปัญหาหนัก
แม้สภาพสังคมจะเปลี่ยนแปลงไป แต่คนที่ทำหน้าที่เป็นกำนันและผู้ใหญ่บ้าน ก็ยังต้องทำหน้าที่หนักโดยเฉพาะเกี่ยวกับเรื่องความมั่นคง เช่น ยาเสพติด ฯลฯ ซึ่งต้องอาศัยกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เข้าไปดูแลลูกบ้านจนรู้ว่าใครเสพ ใครค้า ทำให้ช่วยเป็นหูเป็นตาให้กับทางราชการได้ดีกว่าหน่วยงานอื่นๆ แต่เมื่อได้คนที่ไม่เหมาะสมเข้าไปก็ทำให้เกิดปัญหา
ดันนั้น จึงเป็นเรื่องที่ชมรมจะผลักดันเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีต่อไป โดยจะผลักดันควบคู่ไปกับการแก้ไขกฎหมาย กรณีการกำหนดให้ตำแหน่งกำนันและผู้ใหญ่บ้านที่อยู่ในเขตเทศบาลตำบลที่จะยกฐานะเป็นเทศบาลเมือง ยุติบทบาทไปภายใน 1 ปี เพราะจนถึงปัจจุบันกฎหมายต่างๆ เหล่านี้ก็ยังไม่มีการแก้ไข แม้จะมีการนำเสนอไปสู่สภาผู้แทนราษฎรแล้วก็ตาม