ตราด-รมว.วัฒนธรรม ประชุมมอบนโยบาย “ครีเอทีปไทยแลนด์” ขายวัฒนธรรมประเทศ มั่นใจสามารถทำให้ประกาศความเข้มแข็งได้ ระบุรัฐบาลยังเข้มแข็งไม่เป็นไปตามสื่อเขียน
วันนี้ (11 ก.ย.52) ที่ห้องพลอยแดง ศาลากลาง จ.ตราด นายธีระ สลักเพชร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เดนิทางมามอบนโยบายของรัฐบาลในโครงการครีเอทีฟไทยแลนด์ (ไทยเข้มแข็ง) ให้กับส่วนราชการของ จ.ตราด
โดยมี นายแก่นเพชร ช่วงรังษี ผู้ว่าราชการ จ.ตราด ต้อนรับและบรรยายสรุปถึงนโยบายและแผนยุทธศาสตร์ จ.ตราด ในการพัฒนา จ.ตราด ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมได้รับ ทราบในหลายเรื่อง และได้ข้อให้ทางรัฐมนตรีวัฒนธรรมในฐานะที่เป็น ส.ส.ตราด ได้ผลักดันโครงการต่าง ๆ ที่จังหวัดวางแผนไว้ทั้งการจัดตั้งโรงงานน้ำมันปาล์ม อ่างเก็บน้ำคลองพร้าวเพื่อแก้ปัญหาขาดแคลนน้ำใน อ.เกาะช้าง การปรับปรุงถนนลาดยางเข้าสนามบิน จ.ตราด การตั้งด่านศุลกากรและตรวจคนเข้าเมืองสนามบินท่าโสม รวมทั้งการก่อสร้างถนนรอบเกาะช้าง ช่วงบ้านบางเบ้าและบ้านสลักเพชร
นายธีระ รับว่าแผนยุทธศาสตร์ของ จ.ตราด ทำได้อย่างถูกต้องและมีศักยภาพ โดยโครงการ ต่าง ๆ ที่ทางจังหวัดได้นำเสนอว่าส่วนใจได้ดำเนินการไปแล้ว ขณะที่งานไหนที่ยังคั่งค้างก็จะติดตามให้ ในส่วนของโครงการครีเอทีฟไทยแลนด์ ที่รัฐบาลเน้นในเรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับรากหญ้า นั้นจะเน้นในเรื่อง ของการนำวัฒนธรรมไทยที่ดีงามและเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวมาสร้างจุดขายให้นักท่องเที่ยวได้สนใจและ ประทับใจ
ทั้งนี้ ได้มีการดำเนินการไปแล้วโดยเฉพาะโครงการวัฒนธรรมสายใยชุมชน ในแต่ละตำบลมาใช้ ให้เป็น “ครีเอทีฟในระดับตำบล” ซึ่งในแต่ละตำบลก็มีจุดขายที่แตกต่างกันไป ทั้งนี้ จ.ตราด มีศักยภาพในการขาย วัฒนธรรมดั่งเดิมของ จ.ตราด ที่เป็นวิถีตราดโดยแก้ได้เพียงแต่ต้องดำเนินการฟื้นฟูวัฒนธรรมวิถีตราดให้ออกมาสู่ สาธารณชนให้ได้โดยเร่งด่วน
รัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวอีกว่า เศรษฐกิจของประเทศจะเติบโตและยั่งยืนได้ รัฐบาลได้พุ่งเป้าไปใช้แนว ครีเอทีฟ อิโนโนมิค และสร้างครีเอทีฟซิตี้ ขึ้นมาในเมืองให้ใช้ศักยภาพในสิ่งที่ชุมชนหรือเมืองมีอยู่มาสร้าง รายได้ให้เกิดขึ้น ทุกวันนี้นักท่องเที่ยวต่างประเทศต้องการเข้ามาสัมผัสวัฒนธรรมของไทยแต่ชาวไทยกลับละเลยและไม่สนใจ ซึ่งในอนาคตนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศอาจจะไม่เดินทางมาท่องเที่ยวอีกก็เป็นได้
นายธีระ ยังได้กล่าวถึงความเข้มแข็งของรัฐบาลที่ขณะนี้พรรคร่วมรัฐบาลเคลื่อนไหวกดดันให้ มีการปรับอบรม พร้อมเสนอให้ปรับนายอลงกรณ์ พลบุตร และนายถาวร เสนเนียม ออกนั้น สื่อมวลชนหยิบ ประเด็นไปเขียนเอง ทุกคนยิ่งพูดคุยและจับมือกันดีอยู่ทุกคน การประชุมคณะรัฐมนตรีก็เป็นไปได้ไม่มีปัญหาอะไรใด ๆ
ขณะที่ในห้วงวันที่ 16-18 กันยายน 2552 จะมีการเปิดสภาร่วมระหว่างสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกับ วุฒิสภาเพื่อหารือในเรื่องการแก้ไข รัฐธรรมนูญในประเด็นต่าง ๆ และเพื่อสร้างความสมานฉันท์ให้เกิดขึ้นใน ประเทศไทย ซึ่งรัฐบาลพร้อมที่จะเคลื่อนไหวในเรื่องนี้
“เราต้องสร้างวัฒนธรรมประชาธิปไตยให้เกิดขึ้นกับตัวนักการเมืองให้ได้ เรพาะหากสร้างขึ้นมาแล้ว ปัญหาทางการเมืองของประเทศไทยก็จะหมดไปและก้าวหน้า เป็นที่ยอมรับของนานาประเทศเหมือนที่เคยเกิดขึ้น ในประเทศมี่มีความเจริญแล้ว” นายธีระ ระบุ