พะเยา - ชาวนาเมืองกว๊านฯ น้ำตาตก หลังเพลี้ยระบาด นาข้าวเสียหายยับ แถมร้ององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเข้าช่วยแล้ว กลับถูกปัด อ้างไม่มีงบฯ ขณะที่เกษตรจังหวัดเร่งลงพื้นที่สำรวจความเสียหาย ด้านฝ่ายปกครองเตรียมรายจังหวัดขอความช่วยเหลือชดเชยเกษตรกร
นางสุภัคสร วรรณปลูก ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 2 ต.สบบง อ.ภูซาง จ.พะเยา กล่าวว่า เมื่อวันที่ 5 กันยายน 52 ที่ผ่านมา มีเกษตรกรในหมู่บ้าน มาแจ้งตนว่าเกิดการระบาดของโรคชนิดหนึ่งในนาข้าวบริเวณทุ่งสลี ทุ่งค้าว และทุ่งใต้ พื้นที่รวมไม่น้อยกว่า 500 ไร่ ซึ่งชาวบ้านเรียกตามลักษณะอาการที่เกิดกับต้นข้าวว่า “เพลี้ยต้นข้าว” ทำให้เกิดความเสียหายต่อต้นข้าวคือ ต้นข้าวที่กำลังจะตั้งท้องเกิดแคระแกรน สูงประมาณ 5 นิ้ว ยอดต้นข้าวงอลงมาถึงลำต้น ปลายยอดมีสีเหลืองเริ่มไหม้ รากเน่าส่งกลิ่นเหม็น ซึ่งได้เกิดการระบาดไปทั่วพื้นที่อย่างรวดเร็วไม่สามารถสกัดการระบาดได้
นาข้าวเกษตรกรชาวนาแต่ละราย ได้รับความเสียหายไม่น้อยกว่า 5-20 ไร่ บางรายมีเพียง 5 ไร่ เสียหายทั้งหมด ทำให้เดือดร้อนเพราะไม่ได้ผลผลิต ทำให้ไม่มีข้าวบริโภค หรือขายใช้หนี้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ครั้งต่อไปได้
ผญบ.หมู่ 2 ต.สบบง อ.ภูซาง จ.พะเยา กล่าวต่อว่า ความเดือดร้อนของเกษตรกรครั้งนี้ผู้ใหญ่บ้านหลายหมู่บ้านได้ทำหนังสือแจ้งไปเทศบาลตำบล(ทต.)สบบงแล้ว แต่เจ้าหน้าที่ทางเทศบาล ฯ แจ้งว่าไม่มีงบประมาณที่จะช่วยเหลือเกษตรกรได้
นายอุทัย รวมสุข อายุ 58 ปี บ้านเลขที่ 213 หมู่ 2 ต.สบบง เปิดเผยว่า ชาวนาแต่ละรายที่ได้รับความเดือดร้อนจากการระบาดของโรคเพลี้ยดังกล่าวต้องใช้เงินไม่น้อยกว่ารายละ 1,000 บาท ไปหาซื้อยามาพ่นฆ่าเพลี้ยทุกวัน ซึ่งยังไม่มั่นใจว่าจะสกัดการระบาดได้หรือไม่ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ นาข้าวเสียหายจนไม่สามารถจะเยียวยาได้แล้ว เพราะการระบาดรวดเร็วมาก ทุกปีไม่เคยเกิดโรคระบาดในข้าวเช่นนี้ ทำให้ตนและเพื่อนชาวนาไม่เข้าใจว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร หากน้ำแห้งนาบางแห่งยังมีน้ำก็เกิดโรคเพลี้ยและเสียหายเช่นกัน ดังนั้นคงต้องรอให้เจ้าหน้าที่เกษตรมาตรวจสอบว่าเกิดจากสาเหตุใดกันแน่ พันธุ์ข้าว ปุ๋ย น้ำ หรือสภาวะอากาศที่แปรปรวน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้ (11 ก.ย.) เจ้าหน้าที่จากสำนักงานเกษตรจังหวัดพะเยา และเกษตร อ.ภูซาง จะร่วมกันลงพื้นที่ ต.สบบง เพื่อสำรวจและตรวจหาสาเหตุของการเกิดโรคระบาดในนาข้าวอย่างเร่งด่วนแล้ว