ศูนย์ข่าวศรีราชา - เมืองพัทยาถกร่วมปัญหาจราจรสุขุมวิท หลังชาวบ้านย่านนาเกลือร้องสัญญาณไฟถี่ยิบ ด้าน สม.พัทยาฉะระบบสัญญาณไฟไม่เวิร์ก สรุปทุกฝ่ายเตรียมลงพื้นที่จริงสำรวจปัญหาก่อนหาทางออกที่ชัดเจน
วันนี้ (10 ก.ย.) ที่ศาลาว่าการเมืองพัทยา นายรณกิจ เอกะสิงห์ รองนายกเมืองพัทยา เป็นประธานการประชุมร่วมกับคณะผู้บริหาร สมาชิกสภาเมืองพัทยา เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร สภ.บางละมุง และเจ้าหน้าที่ฝ่ายวิศวกรรมการจราจรและขนส่งเมืองพัทยา ทั้งนี้ เพื่อหารือแนวทางการแก้ไขปัญหาการจราจรบริเวณถนนสุขุมวิท โดยเฉพาะจุดทางแยกชัยพรวิถี-วัดสว่างฟ้า และแยกโพธิ์ทอง หลังได้รับการร้องเรียนจากประชาชนหลังได้ทดลองเปิดใช้ระบบบริเวณดังกล่าวว่ามีปริมาณทางแยกและระบบสัญญาณไฟจราจรเกินความจำเป็น ในช่วงระยะทางที่สั้น ส่งผลให้เกิดปัญหาการจราจรสะสมบนถนนสุขุมวิทเป็นอย่างมาก
ทั้งนี้ ในที่ประชุมได้เปิดโอกาสให้ผู้เกี่ยวข้องทำการชี้แจงถึงความจำเป็น ในการเปิดใช้แยกชัยพรวิถี ซึ่งชี้ให้เห็นว่าปัจจุบันมีปริมาณประชาชนพักอาศัยอยู่ภายในซอยเป็นจำนวนมาก รวมทั้งยังเป็นเส้นทางที่ใช้สัญจรตัดผ่านไปยังถนนสายหลักอย่างสาย 36 และสาย 331 จึงได้ทดลองเปิด ทางแยกเพื่ออำนวยความสะดวก
อย่างไรก็ตาม กรณีดังกล่าวนายสนิท บุญมาฉาย สมาชิกสภาเมืองพัทยา กล่าวว่าการเปิดทางแยกชัยพรวิถีนั้นเป็นแนวคิดที่ไม่ถูกต้อง เนื่องจากได้ส่งผลการจราจรบนถนนสุขุมวิทประสบปัญหาติดขัดเป็นอย่างมาก เนื่องจากเมืองพัทยาไม่จัดทำระบบที่ชัดเจน โดยเฉพาะช่องทางเลี้ยวขวาเข้าสู่ซอยชัยพรวิถีนั้น มีปริมาณรถรอเลี้ยวติดสะสมบนถนนสุขุมวิทเป็นจำนวนมาก และส่วนใหญ่จะมีการบ่ายรถเพื่อหลบเลี่ยงปัญหาความแออัดจนเกิดอุบัติภัยบ่อยครั้ง ที่สำคัญระบบสัญญาณไฟจราจรไม่สอดคล้องและมีจำนวนแยกเกินความจำเป็น
นอกจากนี้ นายสนิทยังชี้ให้เห็นถึงประสิทธิภาพของระบบไฟสัญญาณอัตโนมัติของเมืองพัทยาที่เรียกว่าระบบ ATC นั้น แม้จะเป็นระบบที่มีประสิทธิภาพ แต่ในส่วนของเมืองพัทยานั้นถือว่าการจัดทำไม่เกิดประโยชน์อย่างสมบูรณ์ เนื่องจากผู้รับผิดชอบคือฝ่ายวิศวกรรมการจราจรนั้นจะปฏิบัติงานตามความรู้ด้านวิชาการ โดยไม่ศึกษาผลกระทบที่เกิดขึ้นจริง รวมทั้งไม่รับฟังสภาพปัญหา และแนวทางการแก้ไขจากผู้ชำนาญการอย่างเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร จึงทำให้เกิดปัญหาขึ้นอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม ในที่ประชุมยังไม่มีบทสรุปที่ชัดเจนว่าจะปิดทางร่วมทางแยกใดหรือไม่ แต่ได้กำหนดให้มีการประชุมร่วมระหว่างผู้เกี่ยวข้องอีกครั้ง โดยจะมีการเดินทางลงพื้นที่จริงเพื่อสำรวจสภาพปัญหา จากนั้นจะได้นำมาวิเคราะห์เพื่อหาแนวทางการแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป
วันนี้ (10 ก.ย.) ที่ศาลาว่าการเมืองพัทยา นายรณกิจ เอกะสิงห์ รองนายกเมืองพัทยา เป็นประธานการประชุมร่วมกับคณะผู้บริหาร สมาชิกสภาเมืองพัทยา เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร สภ.บางละมุง และเจ้าหน้าที่ฝ่ายวิศวกรรมการจราจรและขนส่งเมืองพัทยา ทั้งนี้ เพื่อหารือแนวทางการแก้ไขปัญหาการจราจรบริเวณถนนสุขุมวิท โดยเฉพาะจุดทางแยกชัยพรวิถี-วัดสว่างฟ้า และแยกโพธิ์ทอง หลังได้รับการร้องเรียนจากประชาชนหลังได้ทดลองเปิดใช้ระบบบริเวณดังกล่าวว่ามีปริมาณทางแยกและระบบสัญญาณไฟจราจรเกินความจำเป็น ในช่วงระยะทางที่สั้น ส่งผลให้เกิดปัญหาการจราจรสะสมบนถนนสุขุมวิทเป็นอย่างมาก
ทั้งนี้ ในที่ประชุมได้เปิดโอกาสให้ผู้เกี่ยวข้องทำการชี้แจงถึงความจำเป็น ในการเปิดใช้แยกชัยพรวิถี ซึ่งชี้ให้เห็นว่าปัจจุบันมีปริมาณประชาชนพักอาศัยอยู่ภายในซอยเป็นจำนวนมาก รวมทั้งยังเป็นเส้นทางที่ใช้สัญจรตัดผ่านไปยังถนนสายหลักอย่างสาย 36 และสาย 331 จึงได้ทดลองเปิด ทางแยกเพื่ออำนวยความสะดวก
อย่างไรก็ตาม กรณีดังกล่าวนายสนิท บุญมาฉาย สมาชิกสภาเมืองพัทยา กล่าวว่าการเปิดทางแยกชัยพรวิถีนั้นเป็นแนวคิดที่ไม่ถูกต้อง เนื่องจากได้ส่งผลการจราจรบนถนนสุขุมวิทประสบปัญหาติดขัดเป็นอย่างมาก เนื่องจากเมืองพัทยาไม่จัดทำระบบที่ชัดเจน โดยเฉพาะช่องทางเลี้ยวขวาเข้าสู่ซอยชัยพรวิถีนั้น มีปริมาณรถรอเลี้ยวติดสะสมบนถนนสุขุมวิทเป็นจำนวนมาก และส่วนใหญ่จะมีการบ่ายรถเพื่อหลบเลี่ยงปัญหาความแออัดจนเกิดอุบัติภัยบ่อยครั้ง ที่สำคัญระบบสัญญาณไฟจราจรไม่สอดคล้องและมีจำนวนแยกเกินความจำเป็น
นอกจากนี้ นายสนิทยังชี้ให้เห็นถึงประสิทธิภาพของระบบไฟสัญญาณอัตโนมัติของเมืองพัทยาที่เรียกว่าระบบ ATC นั้น แม้จะเป็นระบบที่มีประสิทธิภาพ แต่ในส่วนของเมืองพัทยานั้นถือว่าการจัดทำไม่เกิดประโยชน์อย่างสมบูรณ์ เนื่องจากผู้รับผิดชอบคือฝ่ายวิศวกรรมการจราจรนั้นจะปฏิบัติงานตามความรู้ด้านวิชาการ โดยไม่ศึกษาผลกระทบที่เกิดขึ้นจริง รวมทั้งไม่รับฟังสภาพปัญหา และแนวทางการแก้ไขจากผู้ชำนาญการอย่างเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร จึงทำให้เกิดปัญหาขึ้นอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม ในที่ประชุมยังไม่มีบทสรุปที่ชัดเจนว่าจะปิดทางร่วมทางแยกใดหรือไม่ แต่ได้กำหนดให้มีการประชุมร่วมระหว่างผู้เกี่ยวข้องอีกครั้ง โดยจะมีการเดินทางลงพื้นที่จริงเพื่อสำรวจสภาพปัญหา จากนั้นจะได้นำมาวิเคราะห์เพื่อหาแนวทางการแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป
