เชียงราย – เปิดแล้วกาสิโนยักษ์ริมน้ำโขงฝั่งลาว ส่วนหนึ่งของเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมคำ หลังทุนจีนทุ่มงบสร้างมานานกว่า 1 ปี บนพื้นที่กว่า 5 พันไร่ที่เช่าจากรัฐบาลลาว 75 ปี แถมวางแผนทำกระเช้า – สะพาน พาดผ่านสามเหลี่ยมทองคำเชื่อมฝั่งไทยต่อ
รายงานข่าวจาก จ.เชียงราย แจ้งว่า วันนี้ (9 ก.ย.) กลุ่มบริษัท ดอกงิ้วคำ จำกัด ซึ่งเป็นกลุ่มทุนจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้เปิดโครงการ "เขตพัฒนาเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวในพื้นที่อาเซียน" หรือ "Kings Romans of Laos ASEAN economic & tourism development zone" บนเนื้อที่กว่า 5,168.75 ไร่ที่เมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว(สปป.ลาว) สามเหลี่ยมทองคำ ตรงข้ามกับบ้านสบรวก ต.เวียง อ.เชียงแสน จ.เชียงราย และฝั่ง จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศพม่า ที่เช่าพื้นที่จากรัฐบาลลาว 75 ปี และใช้บริษัทจินมู่เหมิน จำกัด เข้าดำเนินการ ใช้เวลาก่อสร้างมานานกว่า 1 ปี
พิธีเปิด บริษัทจินมู่เหมิน ได้เชิญบุคคลต่างๆ ใน สปป.ลาว เข้าร่วมงานเป็นส่วนใหญ่ ส่วนของฝั่งไทยมีเพียงภาคเอกชนเท่านั้นที่จะเดินทางเข้าไปชมโครงการ แต่ไม่ได้ร่วมพิธีเปิดอย่างเป็นทางการ
คณะที่จะเดินทางไปนอกรอบดังกล่าวประกอบไปด้วยคณะจากหอการค้า จ.เชียงราย ซึ่งมีกำหนดเดินทางข้ามไปยังเกาะดอนซาวติดกับศูนย์กลางโครงการในเวลา 14.00 น.ซึ่งเป็นช่วงหลังเวลาเปิดและคาดหวังจะได้รับเชิญให้ชมโครงการบางส่วน เช่น โรงแรม บ่อนกาสิโน ถนนหนทาง ฯลฯ ซึ่งเป็นโครงสร้างหลักๆ ที่ก่อสร้างเสร็จแล้ว และคณะจากสมาคมท่องเที่ยวเชียงรายซึ่งมีการจัดประชุมประจำเดือนที่ อ.เชียงแสน อยู่ก่อนแล้วตั้งแต่วันที่ 8 ก.ย.ที่ผ่านมามีกำหนดไปเกาะดอนซาวด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้เดิมเคยมีกระแสว่า ทางโครงการจะเชิญแขกระดับผู้ใหญ่หรือวีไอพีจากฝั่งไทยไปร่วมในพิธีเปิดด้วย แต่เนื่องจากโครงการระยะหรือเฟสแรกนอกจากจะมีโรงแรมขนาด 700 ห้อง อาคารพาณิชย์ ถนนหนทาง พื้นที่ทางการเกษตรแล้ว ยังมีบ่อนกาสิโน ซึ่งพึ่งก่อสร้างแล้วเสร็จ และจะเปิดให้บริการหลังทำพิธีเปิดเป็นต้นไป จึงทำให้ไม่มีคณะจากฝั่งไทยเดินทางไปร่วมงานอย่างเป็นทางการ โดยเฉพาะข้าราชการระดับสูงทั้งในระดับภาคและจังหวัด
ด้านนายวิรุณ คำภิโล ประธานหอการค้า จ.เชียงราย เปิดเผยว่า คณะหอการค้าได้ร่วมกับภาคเอกชนหลายแขนง เช่น สภาอุตสาหกรรม สื่อมวลชน ฯลฯ มีกำหนดเดินทางไปเยี่ยมชมและศึกษาดูงานที่โครงการดังกล่าว เนื่องจากเป็นโครงการใหญ่และอยู่ใกล้กับ จ.เชียงราย รวมทั้งแสวงหาความร่วมมือกันในอนาคตต่อไป
นายประธาน อินทรียงค์ กรรมการผู้จัดการบริษัทสยามเซาท์ไชน่า จำกัด ซึ่งประกอบกิจการท่าเรือพาณิชย์ล้านช้างที่สามเหลี่ยมทองคำ และเป็นผู้ประสานงานในฝั่ง อ.เชียงแสน กล่าวว่า แท้ที่จริงโครงการดังกล่าวไม่ได้มีเพียงบ่อนกาสิโน แต่มีหลากหลายทั้งโรงแรม อาคารพาณิชย์ ฯลฯ หรือในภาพรวมเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ ดังนั้นภาพลักษณ์ที่แท้จริงจึงไม่ได้มีเพียงมิติเดียว
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมามีกระแสในทางลบบ้าง จึงอยากให้ลายฝ่ายเข้าใจและเห็นว่าเป็นโครงการในประเทศเพื่อนบ้านเราคงจะไปดำเนินใดๆ ไม่ได้นอกจากการแสวงหาความร่วมมือในทางสร้างสรรค์ เพื่อร่วมกันพัฒนาภูมิภาคนี้ต่อไป
ทั้งนี้ตามแผนงานของกลุ่มดอกงิ้วคำ โครงการ Kings Romans of Laos ASEAN economic & tourism development zone ที่เมืองต้นผึ้ง ในเฟสแรกจะใช้เวลาพัฒนา 10 ปี ภายใต้เงินทุน 2,914 ล้านบาท มุ่งให้เป็นเขตเศรษฐกิจการค้า การท่องเที่ยวและบริการครบวงจร ซึ่งที่เปิดตัวในวันนี้(9 ก.ย.) เป็นเพียงบางส่วนที่ก่อสร้างแล้วเสร็จเท่านั้น เช่น ถนน ระบบไฟฟ้า ที่อยู่อาศัย พื้นที่ทางการเกษตร พนังคอนกรีตป้องกันตลิ่งแม่น้ำโขงพังทลาย ร้านอาหาร โรงแรม 700 ห้อง ส่วนในอนาคตจะมีการพัฒนาเป็นโรงพยาบาล อาคารพาณิชย์ สนามกอล์ฟ 36 หลุม อุตสาหกรรมเบา หัตถกรรม ผลิตภัณฑ์ยาสมุนไพร เขตท่องเที่ยวเกาะดอนซาว เขตปลอดภาษีหรือดิวตี้ฟรีโซน ฯลฯ โดยกลุ่มผู้บริหารวาดหวังไว้ว่า จะมีคนจีนเดินทางไปเที่ยวโครงการวันละกว่า 5,000-10,000 คน
นายสุเมธ แสงนิ่มนวล ผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย ที่เคยเดินทางเข้าไปดูพื้นที่ดังกล่าวก่อนหน้านี้ กล่าวว่า ได้รับแจ้งว่านอกจากจะเป็นเขตพิเศษทางเศรษฐกิจ ยังมีการจัดตั้งศาลและตำรวจเพื่อดูแลความสงบเรียบร้อยภายในพื้นที่โครงการเองด้วย จังหวัดจึงเห็นถึงความจำเป็นในการต้องประสานความสัมพันธ์ในฐานะเป็นเขตที่อยู่ติดกัน โดยมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลซึ่งกันและกันเพื่อการพัฒนาร่วมกัน
เบื้องต้นคือ ด้านการท่องเที่ยวซึ่งตนได้เสนอไปยังกระทรวงมหาดไทยแล้ว โดยอนุญาตให้คนจีนสามารถทำบัตรผ่านแดนชั่วคราวหรือบอร์เดอร์พาสเข้ามาเที่ยวเชียงรายได้ จากเดิมที่คนจีนต้องใช้หนังสือเดินทางระหว่างประเทศหรือพาสปอร์ตเท่านั้น เพราะรับทราบมาว่าการให้พาสปอร์ตและวีซ่ากับคนจีนเป็นเรื่องที่ยุ่งยากมาก ซึ่งกระทรวงมหาดไทยก็เห็นชอบด้วยแต่ขอให้สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และกระทรวงการต่างประเทศ ศึกษาถึงความเหมาะสมก่อน
ผู้ว่าฯเชียงราย บอกอีกว่า กลุ่มทุนจีนยังยืนยันว่าหากไปมากันได้สะดวก ก็พร้อมจะทุ่มเม็ดเงินถึง 1,200 ล้านบาท เพื่อสร้างสะพานจากฝั่งเมืองต้นผึ้งมายังบ้านสบรวก อ.เชียงแสน ด้วย หลังจากก่อนหน้านี้เคยเสนอโครงการสร้างกระเช้าลอยฟ้า 3 ประเทศ คือ ไทย สปป.ลาว และพม่า แต่ประเทศ