ฉะเชิงเทรา -หัวหน้าสำนักงานพลังงานจังหวัด ออกลายบู๊ หวิดวางมวยม็อบของบ สร้างโรงเรียน หลังโต้คารมเดือดบนจั่วมุกหน้าศาลากลางจังหวัด ทำกลุ่มชาวบ้านรุมฮือเข้าล้อมหมายตะลุมบอนทำร้าย ก่อนรองพ่อเมืองจะลงมาช่วยกล่อมจนยอมสลายตัวไปในที่สุด
วันนี้( 7 ก.ย.52) ที่บริเวณจั่วมุกชั้น 1 หน้าศาลากลางจังหวัดฉะเชิงเทรา ได้มีกลุ่มชาวบ้านจาก อ.บางปะกง จำนวนกว่า 40 คน ได้เดินทางมารวมตัวชุม เพื่อยื่นหนังสือร้องเรียน ต่อนายสุรพล พงษ์ทัดศิริกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา ให้ตรวจสอบการทำงานของ นายวิทิต พิทยธาราธร พลังงานจังหวัดฉะเชิงเทรา ในฐานะกรรมการและเลขานุการเงินกองทุนรอบโรงไฟฟ้าบางปะกง ที่ไม่ยินยอมพิจารณาผ่านเงินงบประมาณ ในโครงการก่อสร้างอาคารเรียน ของโรงเรียนในชุมชน ที่ตั้งอยู่ในเขตรัศมี 5 กม. โดยรอบโรงไฟฟ้า ตามวัตถุประสงค์การจัดตั้งของกองทุนโรงไฟฟ้าบางปะกง ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่โดยรอบโรงไฟฟ้า
นางพัชรา รัตนเวคิน อายุ 51 ปี อยู่บ้านเลขที่ 133/1 ม.10 ต.บางปะกง กล่าวว่า ตนเป็นศิษย์เก่าของโรงเรียนวัดล่างบางปะกง (บวรวิทยายน 3) ซึ่งเป็นโรงเรียนเก่าแก่ก่อสร้างมานานกว่า 58 ปี อาคารเรียนมีสภาพชำรุดทรุดโทรม คานไม้ผุกร่อน ตัวอาคารอยู่ในสภาพผุพัง จนนักเรียนในโรงเรียนจำนวนกว่า 350 คน ไม่สามารถเข้าใช้ทำการเรียนการสอนได้ และได้ถูกทางสำนักงานโยธา และผังเมืองจังหวัด ได้ประกาศให้งดอาคารเรียนหลังดังกล่าวแล้ว จึงทำให้ปัจจุบัน เด็กนักเรียนไม่มีอาคารเรียน ในการเล่าเรียนหนังสือ
ที่ผ่านมา โรงเรียนได้ของบประมาณไปยัง สพฐ. เขต 1 ฉะเชิงเทรา ในทุกปีงบประมาณ แต่ทาง สพฐ.แจ้งกลับมาว่า มีเพียงเงินงบประมาณในการซ่อมแซมเท่านั้น แต่ไม่มีงบให้สร้างอาคารหลังใหม่ ต่อมาทางโรงไฟฟ้าบางปะกงได้เสนอแนวทางให้ทำเรื่องของบประมาณจากเงินกองทุนรอบโรงไฟฟ้า มีวัตถุประสงค์ในการจัดตั้งขึ้นมาเพื่อหาทุน ในการพัฒนาคุณภาพชีวิต ของประชาชนในพื้นที่โดยรอบโรงไฟฟ้า ซึ่งโรงเรียนแห่งนี้ได้เข้าหลักเกณฑ์ดังกล่าวในรัศมี 5 กม. ตามระเบียบของเงินกองทุน แต่ต้องเสนอผ่านคณะกรรมการพิจารณาเงินกองทุน ซึ่งมีนายวิทิต พิทยธาราธร พลังงานจังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นกรรมการและเลขานุการของเงินกองทุนดังกล่าว
ที่ผ่านมา นายวิทิต กลับยังไม่ได้เร่งรีบดำเนินการใดๆ ให้ ทั้งที่โรงเรียน และชาวบ้านได้ดำเนินการตามกระบวน ด้วยการเขียนโครงการเสนอของบประมาณไปอย่างครบถ้วน ทั้งการประชุมประชาคมชาวบ้าน ส่งเอกสารโครงการตามขั้นตอนผ่านอำเภอบางปะกง เมื่อวันที่ 22 ส.ค.52 ที่ผ่านมา และอำเภอได้ส่งผ่านไปถึงยังพลังงานจังหวัดแล้ว แต่พลังงานจังหวัดก็ยังเพิกเฉย ไม่ยินยอมเสนอโครงการนี้ต่อคณะกรรมการ จึงทำให้ชาวบ้านเริ่มเกิดความไม่พอใจในความล่าช้าที่เกิดขึ้น
เมื่อชาวบ้านทวงถามมายังนายวิทิต กลับได้รับคำตอบ ที่หลีกเลี่ยงโยกโย้ไปมา ด้วยการอ้างระเบียบของเงินกองทุนบางข้อ ซึ่งมีนัยยะความสำคัญเพียงเล็กน้อยต่อการพิจารณา หยิบยกนำมาอ้าง ในการที่ต้องผ่านคณะอนุกรรมการกลั่นกรอง ทั้งที่โครงการนี้สามารถเสนอแผนงานได้โดยตรงต่อคณะกรรมการได้ในกรณีที่มีความจำเป็นเร่งด่วน และยังย้อนถามกลับมายังชาวบ้านอีกด้วยว่า “ผมถามคุณหน่อยว่า หากไม่มีเงินกองทุนนี้ แล้วคุณจะไปเอาเงินมาจากไหน” จึงยิ่งทำให้ชาวบ้านเกิดความไม่พอใจมากยิ่งขึ้น จึงได้พากันเดินทางมาชุมนุมในวันนี้
บรรยากาศในการชุมนุมในช่วงแรกเป็นไปอย่างสงบ โดยแกนนำได้ใช้เครื่องขยายเสียงสนาม (โทรโข่ง) ในการกล่าวปราศรัย โจมตีต่อการกระทำของ นายวิทิต ที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง ที่บริเวณเชิงบันได จั่วหน้ามุกของอาคารศาลากลางหลังเก่า
ต่อมานายวิทิต ได้เดินทางลงมาเพื่อที่จะเข้ามาชี้แจง ถึงสาเหตุของความล่าช้าในการพิจารณาเงินงบประมาณในการก่อสร้างอาคารโรงเรียนหลังใหม่ ซึ่งต้องใช้เงินทุนจำนวนมากถึง 11 ล้านบาท ในการก่อสร้าง แต่กลับอดทนต่อแรงยั่วยุของแกนนำไม่ไหว ที่กล่าวโจมตีด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย รุนแรง จึงเกิดบันดาลโทสะ พร้อมกับด่ากาดปะทะคารมกันขึ้นอย่างรุนแรง ต่อหน้าผู้ชุมนุม และข้าราชการส่วนที่เกี่ยวข้อง ที่เข้ามาสังเกตการณ์
จนทำให้ข้าราชการที่ทำงานอยู่ภายในสำนักงานต่างๆ ที่อยู่ใกล้เคียง ต่างพากันเปิดแย้มหน้าต่างบานประตู ออกมาดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมกับกลุ่มชาวบ้านที่ต่างพากันลุกฮือกรูกันเข้าไป เพื่อพยายามที่จะรุมทำร้าย นายวิทิต แต่ได้มีเจ้าหน้าที่ อส.เข้ามากันกลุ่มชาวบ้านไว้ ก่อนที่นายวิทิต จะเดินหลบขึ้นไปยังบนตัวอาคารศาลากลางจังหวัด
ท่ามกลางความไม่พอใจของกลุ่มชาวบ้านที่เดินทางมาชุมนุม จากนั้นจึงได้พากันเดินออกไปจากตัวอาคารศาลากลาง และได้ใช้รถยนต์กระบะ ขับเข้าไปขวางปิดกั้นถนนสายหน้าเมือง บริเวณด้านหน้าพระบรมรูปรัชกาลที่ 5 พร้อมกับจับกลุ่มชุมนุมยังบริเวณดังกล่าว โดยเรียกร้องให้ นายวิทิต ออกมากล่าวคำขอโทษต่อกลุ่มชาว เป็นเวลานานกว่า 1 ชม. ก่อนที่ นายสุขสันต์ วนะภูติ รองผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา จะเดินทางลงมาพบกับกลุ่มผู้ชุมนุม เพื่อรับหนังสือร้องเรียน แทนผู้ว่าราชการจังหวัด ที่ติดราชการ และได้นำตัว นายวิทิต ลงมากล่าวคำขอโทษ จึงทำให้สถานการณ์คลี่คลายลง และยอมสลายการชุมนุมกลับไปในที่สุด