ศูนย์ข่าวขอนแก่น - 6 ก.ย.นี้ อบต.110 แห่งในจังหวัดขอนแก่นเปิดหีบหย่อนบัตรเลือกตั้ง กกต.จังหวัดยอมรับเป็นห่วงหน่วยเลือกตั้งที่อยู่บนภูเขาเสี่ยงเจอปัญหาน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก กำชับเจ้าหน้าที่เตรียมพร้อมเรือท้องแบนขนย้ายหีบบัตร คาดผู้ใช้สิทธิเกินกว่าร้อยละ 70 เดินเข้าคูหาเลือกผู้แทนท้องถิ่น
นายมนตรี เกียรติกำจร ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดขอนแก่น เปิดเผยว่า ในวันที่ 6 ก.ย.นี้ จังหวัดขอนแก่นจะจัดให้มีการเลือกตั้งองค์การบริหารส่วนตำบลจำนวน 110 แห่ง จากอบต.จากอบต.ทั้งหมดที่สิ้นสุดวาระพร้อมกัน 130 แห่งใน 26 อำเภอ ขณะที่อีก 20 แห่งยังอยู่ในขั้นตอนของการยกฐานะขึ้นเป็นเทศบาล โดยการเลือกตั้ง 110 อบต.ในวันอาทิตย์นี้ เป็นการเลือกตั้งที่แยกเฉพาะการเลือกตั้ง สมาชิก สภา อบต.จำนวน 12 แห่ง และเลือกตั้งนายกและสมาชิกสภาฯ 98 แห่ง รวมทั้งหมด 1,220 หน่วยเลือกตั้ง
จากการตรวจสอบพบว่า มีจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งหมด 522,839 คน และจากการประเมินสถานการณ์ มั่นใจว่าจะมีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง มากกว่าร้อยละ 70 และจะมีบัตรเสียไม่น่าจะเกินร้อยละ 3
นายมนตรีกล่าวว่า จากการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้สมัครนายก อบต. และสมาชิกสภา อบต. พบว่ามีจำนวนของผู้สมัครรับเลือกตั้งนายก อบต.รวม 258 คน และสมาชิกสภาฯ รวม 4,791 คน อย่างไรก็ตามสิ่งที่น่าเป็นห่วงในขณะนี้คือในเขต อ.ภูผาม่าน ซึ่งมีหลายหน่วยเลือกตั้งตามหมู่บ้านหลายแห่งอยู่บนภูเขาและในหุบเขา ซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาทั้งปัญหาน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก
“ได้กำชับไปยังปลัด อบต.เพื่อประสานกับทางอำเภอในการจัดเตรียมเรือท้องแบนและกำลัง อาสาสมัครให้เข้าไปขนย้ายหีบบัตรมายังจุดนับคะแนนกลางให้เกิดความเรียบร้อยมากที่สุด พร้อมกับให้ทุกหน่วยจัดเตรียมถุงพลาสติกขนาดใหญ่ในการสวมใส่หีบบัตรได้ทั้งหีบ หากเกิดฝนตกขณะลำเลียงหีบบัตรมายังจุดนับคะแนนกลาง” นายมนตรีกล่าว และว่า สำหรับการร้องเรียนกรณีการทุจริต ณ ขณะนี้ได้มีการร้องเรียนจาก กกต.ประจำท้องถิ่นเข้ามายัง กกต.จังหวัดขอนแก่นแล้ว 3 เรื่อง ประกอบด้วย การแจกจ่ายเสื้อทีมและการย้ายคนเข้าทะเบียนบ้าน ทาง กกต.จังหวัดได้จัดส่งชุดเฉพาะกิจลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้นแล้ว
อย่างไรก็ตาม ได้มีการเน้นย้ำไปยังผู้สมัครนายก และสมาชิกสภา อบต.ทุกแห่งให้ปฏิบัติตามกฎหมายเลือกตั้งอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีการร้องเรียนในเรื่องต่างๆ จะต้องส่งเรื่องไปยัง กกต.ท้องถิ่นแต่ละ อบต.ทันที เพื่อที่จะได้ทำการสืบสวนสอบสวนและตรวจสอบข้อเท็จจริงได้โดยทันทีและหากพบว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่เพิกเฉยในการตรวจสอบและมีการร้องเรียนภายหลัง อาจจะเสี่ยงต่อฐานความผิด ทั้งตัวผู้ร้องและพยานที่มาให้ปากคำด้วย
นายมนตรี เกียรติกำจร ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดขอนแก่น เปิดเผยว่า ในวันที่ 6 ก.ย.นี้ จังหวัดขอนแก่นจะจัดให้มีการเลือกตั้งองค์การบริหารส่วนตำบลจำนวน 110 แห่ง จากอบต.จากอบต.ทั้งหมดที่สิ้นสุดวาระพร้อมกัน 130 แห่งใน 26 อำเภอ ขณะที่อีก 20 แห่งยังอยู่ในขั้นตอนของการยกฐานะขึ้นเป็นเทศบาล โดยการเลือกตั้ง 110 อบต.ในวันอาทิตย์นี้ เป็นการเลือกตั้งที่แยกเฉพาะการเลือกตั้ง สมาชิก สภา อบต.จำนวน 12 แห่ง และเลือกตั้งนายกและสมาชิกสภาฯ 98 แห่ง รวมทั้งหมด 1,220 หน่วยเลือกตั้ง
จากการตรวจสอบพบว่า มีจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งหมด 522,839 คน และจากการประเมินสถานการณ์ มั่นใจว่าจะมีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง มากกว่าร้อยละ 70 และจะมีบัตรเสียไม่น่าจะเกินร้อยละ 3
นายมนตรีกล่าวว่า จากการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้สมัครนายก อบต. และสมาชิกสภา อบต. พบว่ามีจำนวนของผู้สมัครรับเลือกตั้งนายก อบต.รวม 258 คน และสมาชิกสภาฯ รวม 4,791 คน อย่างไรก็ตามสิ่งที่น่าเป็นห่วงในขณะนี้คือในเขต อ.ภูผาม่าน ซึ่งมีหลายหน่วยเลือกตั้งตามหมู่บ้านหลายแห่งอยู่บนภูเขาและในหุบเขา ซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาทั้งปัญหาน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก
“ได้กำชับไปยังปลัด อบต.เพื่อประสานกับทางอำเภอในการจัดเตรียมเรือท้องแบนและกำลัง อาสาสมัครให้เข้าไปขนย้ายหีบบัตรมายังจุดนับคะแนนกลางให้เกิดความเรียบร้อยมากที่สุด พร้อมกับให้ทุกหน่วยจัดเตรียมถุงพลาสติกขนาดใหญ่ในการสวมใส่หีบบัตรได้ทั้งหีบ หากเกิดฝนตกขณะลำเลียงหีบบัตรมายังจุดนับคะแนนกลาง” นายมนตรีกล่าว และว่า สำหรับการร้องเรียนกรณีการทุจริต ณ ขณะนี้ได้มีการร้องเรียนจาก กกต.ประจำท้องถิ่นเข้ามายัง กกต.จังหวัดขอนแก่นแล้ว 3 เรื่อง ประกอบด้วย การแจกจ่ายเสื้อทีมและการย้ายคนเข้าทะเบียนบ้าน ทาง กกต.จังหวัดได้จัดส่งชุดเฉพาะกิจลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้นแล้ว
อย่างไรก็ตาม ได้มีการเน้นย้ำไปยังผู้สมัครนายก และสมาชิกสภา อบต.ทุกแห่งให้ปฏิบัติตามกฎหมายเลือกตั้งอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีการร้องเรียนในเรื่องต่างๆ จะต้องส่งเรื่องไปยัง กกต.ท้องถิ่นแต่ละ อบต.ทันที เพื่อที่จะได้ทำการสืบสวนสอบสวนและตรวจสอบข้อเท็จจริงได้โดยทันทีและหากพบว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่เพิกเฉยในการตรวจสอบและมีการร้องเรียนภายหลัง อาจจะเสี่ยงต่อฐานความผิด ทั้งตัวผู้ร้องและพยานที่มาให้ปากคำด้วย
