คนตราดวิ่งแจ้งความถูกปลอมลายเซ็นค้ำกู้เงิน กศย.พบเป็น นร.ร้อยเอ็ด

ตราด - แจ้นแจ้งความหลังถูกหมายศาลแขวงเรียกจ่ายเงินค้ำประกัน กยศ.ทั้งที่ไม่ได้ค้ำ เผยถูกปลอมลายเซ็น พบพิรุธระบุอาชีพไม่ถูกต้องเผยแค่ 2 หมื่น แต่ค่าทนายอื้อ

นางมาลี ปัสเสนะ อายุ 52 ปี เผยว่า เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น. ตนได้รับหมายเรียกของศาลแขวงธนบุรี กรณีถูกฟ้องว่าเป็นผู้ค้ำประกันเงินกองทุนให้ผู้กู้ยืมเพื่อการศึกษา ซึ่งนางมาลี ปัสเสนะ ได้แจ้งความต่อ ร.ต.อ.วสุวัช เกณิกานนท์ พนักงานสอบสวนว่า ไม่เคยค้ำประกันเงินกู้ของ น.ส.พิริยาภรณ์ ศีลสัตย์ ผู้กู้เงินกองทุนเงิน ให้กู้ยืมเพื่อการศึกษาแต่อย่างใด จึงได้เดินทางไปแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน โดยพนักงานสอบสวนได้รับแจ้งความไว้ ตามความประสงค์และพร้อมที่จะเดินทางไปตามหมายศาลในวันที่ 1 กันยายน 2552 นี้

นางมาลียังระบุว่า ตนไม่รู้จักกับนางสาวพิริยาภรณ์ ศีลสัตย์ ที่เป็นผู้กู้เงินจากกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษาแต่ประการใด แต่จู่ๆ ก็มีหมายศาลมาเชิญตัวให้ไปศาล ก่อนหน้านี้เคยเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ได้นำซองจดหมายเป็นหมายศาลมาส่ง 2 ครั้ง แต่ตนเองไม่ได้รับ ครั้งสุดท้ายคือวันที่ 29 สิงหาคม 2552 เจ้าหน้าที่ศาลได้นำเอกสารมาส่งด้วยตัวเอง ตนจึงรับไว้ แต่ได้ขอคำปรึกษจากเจ้าหน้าที่ ได้รับคำแนะนำว่าให้โทรศัพท์ติดต่อกับผู้รับผิดชอบที่มีชื่อและเบอร์โทรศัพท์ระบุไว้ในเอกสาร

แต่เมื่อโทรศัพท์ไปก็ไม่มีใครรับสายคงเป็นเพราะเป็นวันอาทิตย์ อย่างไรก็ตาม ก็จะเดินทางไปที่ศาลแขวงธนบุรีเพื่อไปแสดงหลักฐานต่างๆ ให้ทราบ และขอสอบถาม ถึงเรื่องการค้ำประกันเงินกู้ของ น.ส.พิริยาภรณ์ ศีลสัตย์ ว่าเกิดปัญหาได้อย่างไร

“ดูเอกสารแล้ว ข้อมูลเกี่ยวกับตัวเองที่ระบุเรื่องอาชีพก็ไม่ถูกต้องแล้ว เพราะตนเองรับราชการ แต่ในเอกสารระบุว่ารับจ้าง และลายเซ็นที่อยู่ในเอกสารก็ไม่ใช่ เพราะตนเองไม่เคยเซ็น ชื่อโดยการเขียน แต่จะเป็นลายเซ็น รายมือชื่อก็ไม่ใช่ อย่างไรก็ตาม ยินดีที่จะเดินทางไปศาลเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงทั้งหมดพร้อมนำเอกสารหลักฐานเกี่ยวกับตัวเองไปให้ศาลดูด้วย”

สำหรับการกู้เงินจากกองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษาของ น.ส.พิริยาภรณ์ ศีลสัตว์ ได้ทำสัญญาเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2539 ผู้กู้เรียนหนังสืออยู่ที่โรงเรียนสตรีศึกษา จ.ร้อยเอ็ด จำนวน 5 ครั้ง จำนวนเงิน 18,340 และครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2541 จำนวน 20,000 บาท ครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2542 จำนวน 20,000 บาท ครั้งที่ 4 วันที่ 17 มิถุนายน 2543 จำนวน 99,650 บาท และครั้งที่ 5 เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2544 จำนวน 99,650 บาท ซึ่งในการกู้เงินในครั้งที่ 2 เมื่อปี 2542 มีชื่อของนางมาลี ปัสเสนะ เป็นผู้ค้ำประกันเงินกู้ด้วย

โดยตามหมายเรียกจำเลยมาพิจารณาพิพากษาและบังคับจำเลยให้จำเลยที่ 1 น.ส.พิริยาภรร์ ศีลสัตย์ ชำระหนี้ให้แก่กองทุนให้กู้ยืมฯ จำนวน 274,916.82 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 1 ต่อปีและเบี้ยปรับในอัตราร้อยละ 1.5 ต่อเดือนของเงินต้นจำนวน 248,610 บาท และในส่วนของนางมาลี ปัสเสนะ จำเลยที่ 4 ต้องชำระหนี้ให้แก่โจทย์จำนวน 21,361.89 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 1 ต่อปี และเบี้ยปรับ ในอัตราร้อย 1.5 ต่อเดือนของต้นเงินจำนวน 19,317.77 บาท