กาฬสินธุ์ - กองกำลังผสมเจ้าหน้าที่ป่าไม้และหน่วยเฉพาะกิจตำรวจภูธรจังหวัดกาฬสินธุ์ และตำรวจภูธรสมเด็จบุกป่าภูพาน เขตตำบลแซงบาดาล อำเภอสมเด็จ จังหวัดกาฬสินธุ์ บุกยึดไม้พะยูงท่อน และไม้พะยูงแปรรูป และไม้พะยูงเป็นท่อนขนาดใหญ่จำนวนมากมูลค่ากว่า 1 ล้านบาท
รายงานข่าวแจ้งว่า เจ้าหน้าที่หน่วยพิทักษ์ป่าที่ กส.3 (ภูพาน) พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจากสถานีตำรวจภูธรสมเด็จ และหน่วยเฉพาะกิจตำรวจภูธรจังหวัดกาฬสินธุ์ กว่า 50 นาย เข้าตรวจสอบไร่อ้อยระหว่างบ้านบาก และบ้านโนนชายสำราญ ตำบลแซงบาดาล อำเภอสมเด็จ จังหวัดกาฬสินธุ์ หลังมีการสืบทราบว่ามีกลุ่มนายทุนได้ลักลอบตัดไม้บริเวณป่าภูพานและนำไม้มาซุกซ่อนไว้บริเวณใกล้เคียง
จากการตรวจสอบเจ้าหน้าที่พบไม้พะยูงทั้งแปรรูปและเป็นท่อนขนาดใหญ่จำนวนมากกระจายทั่วบริเวณของไร่อ้อยในพื้นที่กว่า 10 ไร่ โดยมีการนำเอาเศษใบไม้เศษต้นอ้อยปกคลุมไว้อย่างมิดชิด
พ.ต.ท.ณัฐพล เหลาพรม สารวัตรกลุ่มงานสอบสวนตำรวจภูธรจังหวัดกาฬสินธุ์ กล่าวว่า ในการตรวจค้นและบุกยึดไม้พะยูงครั้งนี้ เป็นการปฏิบัติการของกองกำลังผสมทั้งเจ้าหน้าที่ป่าไม้และเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่ หลังมีการสืบทราบว่า มีกลุ่มนายทุนได้เข้ามาจ้างวานชาวบ้านเข้าไปตัดไม้ในเขตป่าภูพาน พร้อมกับการจ้างแรงงานในการขนไม้และเช่าพื้นที่ไร่มัน และไร่อ้อยในบริเวณใกล้เคียงเป็นจุดพักไม้ ซึ่งของกลางที่ตรวจยึดครั้งนี้คาดว่าเป็นการพักสินค้าเพื่อรอการลำเลียงในการส่งออกต่างประเทศ
อย่างไรก็ตาม ได้มีการขยายผล เพื่อออกตรวจสอบพื้นที่บริเวณใกล้เคียงอย่างละเอียด เพราะเชื่อว่าในบริเวณตำบลแซงบาดาลในหลายหมู่บ้านที่มีเขตติดต่อกับแนวเขตเทือกเขาภูพาน จะเป็นจุดพักไม้ผิดกฎหมายอีกจำนวนมาก
ไม้พะยูงที่พบในครั้งนี้มีทั้งไม้ท่อนขนาดใหญ่จำนวน 29 ท่อน ปริมาตร 3.32 ลูกบาศก์เมตร และไม้พะยูงเหลี่ยมจำนวน 44 เหลี่ยม ปริมาตร 4.19 ลูกบาศก์เมตร ซึ่งไม้ทั้งหมดไม่พบรอยดวงตราประทับ และเมื่อรวมมูลค่าของกลางที่เป็นไม้พะยูงที่ตรวจยึดครั้งนี้ มีมูลค่ากว่า 1,200,000 บาท
เนื่องจากขณะนี้ในตลาดค้าไม้ไม้พะยูงขายกันที่ ลูกบาศก์เมตรละ 150,000 บาท อีกทั้งยังถือเป็นการตรวจยึดไม้พะยูงครั้งใหญ่ของจังหวัดกาฬสินธุ์
นอกจากนี้ แล้วจากตรวจสอบพื้นที่ยังไม่พบว่ามีผู้ใดอยู่ในบริเวณไร่อ้อยดังกล่าว และยังไม่มีผู้ใดมาแสดงตัวเป็นเจ้าของ โดยไม้พะยูงทั้งหมดยังมีสภาพสดใหม่ คาดว่า น่าจะตัดมาพักไว้ไม่ถึง 1 สัปดาห์ พร้อมกันนี้ได้มีการตรวจยึดตีตรา ต.10511 ย.1612 ตีประทับไว้ที่หน้าตัดไม้ทุกท่อนและทุกไม้เหลี่ยม และนำรถขนไม้พะยูงทั้งหมดไปเก็บรักษาไว้ที่ หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ กส.3 (ภูพาน) และดำเนินการติดตามหาเจ้าของไร่อ้อยและสืบหานายทุนเจ้าของไม้ที่แท้จริงมารับโทษโดยเร็วที่สุด
เบื้องต้นตั้งข้อหาฐานทำไม้หวงห้ามโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ 2484 และฐานมีไว้ครอบครองซึ่งไม้หวงห้ามออันยังไม่ได้แปรรูป โดยไม่มีรอยตราค่าภาคหลวงหรือรอยตรารัฐบาลขาย โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 และฐานทำไม้หวงห้ามและมีไม้แปรรูปหวงห้ามในความครอบครองเกิน 0.20 ลูกบาศก์เมตร
นอกจากนี้แล้ว แหล่งข่าวระบุว่า กลุ่มนายทุนที่ได้เข้ามาในพื้นที่เพื่อจ้างแรงงานชาวบ้านเข้าไปตัดไม้และขนไม้เป็นกลุ่มนายทุนจากนอกพื้นที่ที่มีกลุ่มนักการเมืองหลายระดับเข้าไปพัวพัน โดยมีนักลงทุนจากต่างประเทศร่วมหุ้นอีกด้วย
สำหรับไม้พะยูงเป็นไม้หวงห้ามตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ 2484 มีลักษณะเป็นไม้เนื้อแข็ง มีสีแดงเข้ม คงทน อีกทั้งยังเป็นไม้มงคลที่ส่วนใหญ่จะนำไปทำเป็นเฟอร์นิเจอร์แกะสลักเป็นรูปเทพเจ้าและสิ่งศักดิ์สิทธิ์มงคลตาความเชื่อ โดยเฉพาะประเทศจีนและประเทศสิงคโปร์ให้ความนิยมไม้พะยูงมาก ทำให้ไม้พะยูงเป็นไม้เศรษฐกิจยอดนิยมที่มีราคาสูงมาก
ซึ่งในบริเวณอุทยานแห่งชาติภูพาน 415,439 ไร่ หรือ 664.70 ตารางกิโลเมตร มีความอุดมสมบูรณ์ เป็นแหล่งไม้พะยูงที่ใหญ่อีกแห่งหนึ่งของประเทศ และยังเป็นที่สนใจของกลุ่มนายทุนไม้เถื่อนแสวงหาเอาประโยชน์ในพื้นที่ด้วย