ศูนย์ข่าวศรีราชา- เจ้าหน้าที่กรมศิลปากร พร้อมชาวบ้านเดินทางสำรวจข้อเท็จจริง ที่หลวงปู่หินลอยน้ำอายุ 300 กว่าปีหน้าโบสถ์วัดอ่างศิลา หายสาบสูญ หลังเจ้าอาวาสนำองค์ใหม่มาตั้งแทน จนชาวบ้านเสื่อมศรัทธา เร่งหาพระคู่โบสถ์องค์เดิมกลับมา
วันนี้ (27 ส.ค.) นายวิชัย ตันกิตติกร เจ้าหน้าที่กรมศิลปกร พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติจังหวัดปราจีนบุรี พร้อมคณะ ร่วมกับชาวบ้านได้เดินทางมาที่ วัดอ่างศิลา ต.อ่างศิลา อ.เมือง จ. ชลบุรี เพื่อร่วม พิสูจน์หาข้อเท็จจริง เกี่ยวกับพระพุทธรูปประจำหน้าโบสถ์หลังเก่าวัดอ่างศิลาที่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นอุโบสถ์หลวง ที่ขึ้นทะเบียนอยู่ในการดูแลรักษาของเจ้าหน้าที่กรมศิลป์ รวมทั้งพระคู่บารมีด้วย
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ เนื่องจากชาวบ้านสงสัยว่า พระพุทธรูปหลวงปู่หินลอยน้ำ ที่มีอายุมากกว่า 300 ปี ได้หายสาบสูญไปจากที่เดิม และมีการนำเอาพระพุทธรูปองค์ใหม่ที่เลียนแบบมาวางแทนที่เดิม จนชาวบ้านแคลงใจว่าองค์เดิมอยู่หายไปไหนและโยกย้ายเพื่ออะไร เนื่องจากชาวบ้านได้นับถือสักการบูชาหลวงปู่หินประจำที่หน้าโบสถ์มานานแล้ว โดยทุกครั้งนี้ชาวบ้านเดือดร้อนก็จะมาขอพรสิ่งใดก็ได้สมปรารถนาทุกประการ
ชาวบ้าน กล่าวว่า หลังจากที่หลวงพ่อพูลทรัพย์ มาเป็นเจ้าอาวาสแทนองค์เดิมที่มรณภาพ ก็ทำการโยกย้ายวัตถุสำคัญต่างๆ ออกนอกวัดบ้าง จากที่เดิมไปอยู่ที่ใหม่บ้าง ครั้งชาวบ้านสอบถามก็ต่อว่าเป็นเรื่องของทางวัดชาวบ้านไม่เกี่ยว จนไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ จนชาวบ้านมารู้ที่หลังว่าหลวงพ่อพูลทรัพย์ได้โยกย้ายหลวงปู่หิน ซึ่งเป็นพระคู่โบสถ์แห่งนี้ออกไปแล้วนำองค์ใหม่มาตั้งแทน โดยไม่แจงสาเหตุให้ใครทราบทั้งสิ้น บางครั้งก็บอกกับชาวบ้านว่าเป็นองค์เดิมที่มีการตบแต่ง เพื่อความสวยงามโดยการนำทองมาหุ้มให้ใหม่
อย่างไรก็ตาม ชาวบ้านยืนยันกันเป็นเสียงเดียวว่า หลวงปู่หินที่อยู่หน้าโบสถ์ไม่ใช่องค์เดิม 100% เพราะชาวบ้านนำรูปถ่ายที่ครั้งยังเป็นหนุ่มเป็นสาวมายืนยันให้กับเจ้าหน้าที่ กรมศิลป์ดูอีกด้วย ส่วนหลวงพ่อพูลทรัพย์เจ้าอาวาส ขณะนี้ก็ยังไม่กลับมาหลังจากที่มีเรื่องกับชาวบ้านกรณีแห่ไล่ศพของชาวบ้านไม่ให้นำมาตั้งสวดบำเพ็ญกุศลในวัด โดยมอบหมายให้พระลูกวัดดูแลแทนทั้งหมด ซึ่งพระลูกวัดได้บอกกับเจ้าหน้าที่กรมศิลป์ว่าหลวงพ่อไม่อยู่ไปที่ อ.เขาชะอาง และไม่มีกำหนดกลับ จึงไม่สามารถที่จะนัดให้มาพบได้
ส่วนเจ้าหน้าที่กรมศิลป์ ได้พูดคุยกับชาวบ้านว่า โบราณสถานสิ่งใดที่มีประวัติขึ้นกับกรมศิลป์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติแล้ว ก็จะสูญหายไม่ได้เช่นกัน เพราะฉะนั้นหากชาวบ้านคนใดมีประวัติความเป็นมาหรือรูปภาพพระพุทธรูปที่หายไปก็นำมาเป็นหลักฐานเพิ่มเติมได้ เพื่อจะได้นำไปประกอบเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญต่อไป