พิษณุโลก -ตร.ภาค 6 แถลงแก๊งจีน ขนยาแก้ไข้หวัด 4.8 แสนเม็ด ที่ตาก หลัง ตร.ที่ตากจับกุม เผยสารตั้งต้นมาจากกรุงเทพฯส่งให้กลุ่มว้าผลิตเป็นยาไอซ์และยาบ้า ล็อตนี้พัฒนาเป็นยาไอซ์มูลค่าร่วม 60 ล้านบาท
วันนี้ (25 ส.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก พล.ต.ท.สุรสีห์ สุนทรศารทูล ผบช.ภ.6 พร้อมตำรวจชุดสืบสวนภูธรจังหวัดตาก ได้ร่วมกันแถลงข่าว ผลการจับขบวนการส่งขายยาแก้ไข้หวัด ซึ่งเป็นสารตั้งต้นในการผลิตยาบ้า และ ยาไอซ์ ผู้ต้องหาจำนวน 3 ราย ได้แก่ นายฟู่ไฮ่ แซ่ยาง อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 350 หมู่ที่ 11 ตำบลบ้านแซว อ.เชียงแสน จ.เชียงราย นายฮันเฉิน แซ่ซุย อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 807/30 ซอยศูนย์บันเทิงการค้า แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ ทั้งสอง เป็นชาวจีน และ นางสาวสุศิราพร ชัยสุวรรณ์ อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 93/20 โครงการบ้านดวงเดือน ถนนโซตนา-ฝาง ต.สันโป่ง อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่
พร้อมของกลางเป็นยาแก้หวัด ชนิดกลมแบน สีขาว จำนวน 48 ถุง ถุงละ 100,000 เม็ด รวมทั้งสิ้น 480,000 เม็ด ซึ่งจับกุมได้ที่บนถนนพหลโยธินขาขึ้น บริเวณสะพานกิตติขจร ต.ระแหง อ.เมืองตาก จ.ตาก เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2552
พล.ต.ท.สุรสีห์ สุนทรสารทูล ผบช.ภ.6 กล่าวว่า ยาทั้งหมด มีส่วนผสมของ “ชูโดเอฟีดรีน ไฮโดรคลอไรด์” ซึ่งเป็นวัตถุต่อจิตประสาท ประเภท 2 ซึ่งเป็นสารตั้งต้นในการผลิตยาเสพติด จำนวนพวกยา เมตแอมเฟสตามีน และยาไอซ์ เมื่อส่งไปขายกลุ่มว้า ประเทศพม่า ได้ ก็จะสามารถไปผลิตยาไอซ์ ได้ประมาณ 28 กิโลกรัม หากขายในตลาดเมืองไทยจะขายได้ประมาณ กิโลกรัมละ 3 ล้านบาท หรือ ประมาณ 60 ล้านบาท
กรณียาแก้หวัดนี้ เคยจับล็อตใหญ่ที่สุดที่จังหวัดภูเก็ต ที่จะส่งไปขายประเทศออสเตรเลีย แต่ถ้าผลิตไปขายในประเทศออสเตรเลีย ได้ของกลางเป็นยาแก้หวัด จำนวน 200 กิโลกรัม ผลิตเป็นอาไอซ์ขายได้กิโลกรัมละ 100 ล้านบาท โดยได้ตั้งข้อหา “ร่วมกันขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาต” มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท และหากสามารถสืบได้ว่าจะนำไปเป็นสารตั้งต้นในการผลิตยาเสพติดก็จะดำเนินคดีเพิ่มเติมต่อไป
“ในประเทศไทยไม่พบโรงงานผลิตยาเสพติด แต่จะมีโรงงานแถวประเทศเพื่อนบ้านเท่านั้น ทำให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องมีการตั้งด่านจุดสกัด ตามแนวชายแดนอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันปัญหายาเสพติดเข้าประเทศ” พล.ต.ท.สุรสีห์ กล่าว