พิจิตร - พ่อพิมพ์เมืองชาละวันสอนวิชาอุตริเรื่องการร่วมเพศ เกิดคึกเรียกเด็กนักเรียนชายลงมือจริงกับเด็กนักเรียนหญิง ผู้ปกครองรู้เรื่องแจ้งจับครู ตำรวจเตรียมออกหมายเรียกดำเนินคดี
วันนี้ (25 ส.ค.) พ.ต.อ.สมนึก มากมี ผกก.สภ.โพธิ์ประทับช้าง อ.โพธิ์ประทับช้าง จ.พิจิตร กล่าวว่า ได้มีผู้ปกครองของเด็กนักเรียนเข้าแจ้งความว่าลูกสาวของตนถูกเด็กนักเรียนชายทำอนาจาร โดยมีครูเป็นผู้สั่งการ
นางวาริน โซหนู อายุ 32ปี อยู่บ้านเลขที่ 204 หมู่ที่ 6 ต.ดงเสือเหลือง อ.โพธิ์ประทับช้าง จ.พิจิตร แม่ของ ด.ญ.เฟิร์น (นามสมมติ) อายุ 4 ปี นักเรียนโรงเรียนอนุบาลวัดเนินพะยอม และนางมาลัย ขันตี อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 29 หมู่ที่ 11 ต.ดงเสือเหลือง แม่ของ ด.ญ.ข้าวฟ่าง (นามสมมติ) นักเรียนชั้นอนุบาล1 โรงเรียนวัดเนินพะยอม นักเรียนชั้นอนุบาล 1 โรงเรียนเดียวกัน ได้เข้าแจ้งความว่า ลูกสาวทั้ง 2 คน ซึ่งเป็นนักเรียนโรงเรียนอนุบาลวัดเนินพะยอม ได้ถูก ด.ช.ก้องฟ้า (นามสมมติ) อายุ 4 ปี และ ด.ช.ก้องภพ (นามสมมติ) อายุ 4 ปี อยู่ชั้นอนุบาล 1 โรงเรียนวัดเนินพะยอมทำอานาจาร โดยใช้นิ้วและอวัยวะเพศแหย่และทิ่มแทงไปที่อวัยวะเพศของลูกสาวซึ่งเป็นการกระทำอนาจาร โดยมี นายพยัพ ฉิมสุข อาจารย์ชั้น ป.3 เป็นคนสั่งให้ ด.ช.ทั้ง 2 เป็นคนทำอนาจารในห้องเรียน
พ.ต.อ.สมนึก กล่าวอีกว่า จากการสอบสวน ด.ญ.เฟิร์น และ ด.ญ.ข้าวฟ่าง ให้การว่า ในช่วง
พักกลางวันได้ลงมาพักกินข้าวในโรงอาหาร ขณะกินข้าวอยู่นั้นได้ลืมกระติกน้ำไว้ในห้องเรียนจึงได้ขึ้นไปเอา ปรากฏว่าเมื่อไปถึงได้เห็น ด.ช.ก้องฟ้า และ ด.ช.ก้องภพ และนายพยัพ
ฉิมสุข ครูชั้น ป.3 อยู่ในห้องเรียนของตน เมื่อเดินเข้าไปในห้องเรียน ซึ่งขณะนั้นครูพายัพและเด็กนักเรียนชายได้อยู่ในห้องก่อนแล้ว จากนั้นเด็กหญิงทั้งสองให้การว่า ครูได้สั่งให้เด็กชายนักเรียนทั้งสองเข้ามาถอดเสื้อผ้า ด.ญ.เฟิร์น และ ด.ญ.ข้าวฟ่างออก จากนั้นครูได้ให้เด็กนักเรียนชายทั้ง 2 ใช้นิ้วมือและอวัยวะเพศจิ้มไปที่อวัยวะเพศหญิงนักเรียน 2 คนดังกล่าว แล้วครูก็นั่งดู โดยครูดังกล่าวอ้างว่าจะสอนวิชาเพศศึกษาให้ ซึ่งเด็กชายและเด็กหญิงทั้ง 2 ฝ่ายต่างไร้เดียงสา และไม่รู้ตัวด้วยว่ากำลังทำอะไรจึงยินยอมทำตามที่ครูสั่ง
หลังจากเลิกเรียน เด็กหญิงทั้ง 2 คน เมื่อกลับมาถึงบ้านจึงมาเล่าให้ผู้ปกครองฟังถึงความวิตถารของครูที่ให้เด็กนักเรียนชายกระทำอนาจารกับเด็กทั้ง 2 คนดังกล่าว ซึ่งเมื่อพ่อแม่ทราบเรื่องถึงกับเดือดดาล จากนั้นจึงได้เข้าแจ้งความต่อตำรวจเพื่อให้ดำเนินคดีต่อครูจิตวิปริตดังกล่าว
พ.ต.อ.สมนึก กล่าวอีกว่า สำหรับความคืบหน้าของคดีขณะนี้ได้ดำเนินการสอบสวนทั้งพยานและผู้เสียหายแล้วซึ่งกำลังอยู่ขั้นตอน ให้นักจิตวิทยาและหน่วยงานเกี่ยวกับสิทธิเด็กและสตรี เพื่อทำการสอบเด็กชายทั้ง 2 และพยานอื่นๆ มาสอบสวนเพิ่มเนื่องจาก เป็นเด็กจะต้องมีขบวนการสอบสวนที่ละเอียดอ่อน เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบทางด้านจิตใจและชื่อเสียงของทั้งเด็กและผู้ปกครอง รวมถึงฝ่ายที่ถูกกล่าวหาด้วย โดยจะให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย ซึ่งจะต้องหาหลักฐานเพิ่มเติมให้รัดกุมเพื่อเตรียมออกหมายเรียก และแจ้งข้อหากับนายพยัพ ครูดังกล่าว ในเบื้องต้นเราเตรียมแจ้งข้อหาทำอนาจารเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี เอาไว้แล้ว
ในส่วนของ นายสุรเสน ทั่งทอง ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาพิจิตร เขต 1 เปิดเผยว่า เรื่องดังกล่าวได้รับรายงานแล้ว และในขณะนี้ได้สั่งการให้นายพยัพ ย้ายด่วน มาช่วยราชการที่ สพท.พิจิตร เขต 1 ทั้งนี้เพื่อลดปัญหาข้อพิพาทและป้องกันมิให้ญาติของเด็กนักเรียนที่กำลังโกรธแค้นมาทำร้าย หรือเกิดวิวาทกันอีกทั้งเพื่อให้อิสระกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในการสืบหาพยาน โดยปราศจากการข่มขู่ ซึ่งถ้าพบหลักฐานว่ามีความผิดจริง และถูกดำเนินคดีอาญาก็อาจมีโทษถึงถูกไล่ออกจากราชการ แต่ขณะนี้เท่าที่สอบถามนายพยัพได้ให้การปฏิเสธ ซึ่งก็ต้องรอให้ตำรวจและศาลยุติธรรมเป็นผู้พิสูจน์ความจริงให้สังคมตัดสินอีกครั้ง
วันนี้ (25 ส.ค.) พ.ต.อ.สมนึก มากมี ผกก.สภ.โพธิ์ประทับช้าง อ.โพธิ์ประทับช้าง จ.พิจิตร กล่าวว่า ได้มีผู้ปกครองของเด็กนักเรียนเข้าแจ้งความว่าลูกสาวของตนถูกเด็กนักเรียนชายทำอนาจาร โดยมีครูเป็นผู้สั่งการ
นางวาริน โซหนู อายุ 32ปี อยู่บ้านเลขที่ 204 หมู่ที่ 6 ต.ดงเสือเหลือง อ.โพธิ์ประทับช้าง จ.พิจิตร แม่ของ ด.ญ.เฟิร์น (นามสมมติ) อายุ 4 ปี นักเรียนโรงเรียนอนุบาลวัดเนินพะยอม และนางมาลัย ขันตี อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 29 หมู่ที่ 11 ต.ดงเสือเหลือง แม่ของ ด.ญ.ข้าวฟ่าง (นามสมมติ) นักเรียนชั้นอนุบาล1 โรงเรียนวัดเนินพะยอม นักเรียนชั้นอนุบาล 1 โรงเรียนเดียวกัน ได้เข้าแจ้งความว่า ลูกสาวทั้ง 2 คน ซึ่งเป็นนักเรียนโรงเรียนอนุบาลวัดเนินพะยอม ได้ถูก ด.ช.ก้องฟ้า (นามสมมติ) อายุ 4 ปี และ ด.ช.ก้องภพ (นามสมมติ) อายุ 4 ปี อยู่ชั้นอนุบาล 1 โรงเรียนวัดเนินพะยอมทำอานาจาร โดยใช้นิ้วและอวัยวะเพศแหย่และทิ่มแทงไปที่อวัยวะเพศของลูกสาวซึ่งเป็นการกระทำอนาจาร โดยมี นายพยัพ ฉิมสุข อาจารย์ชั้น ป.3 เป็นคนสั่งให้ ด.ช.ทั้ง 2 เป็นคนทำอนาจารในห้องเรียน
พ.ต.อ.สมนึก กล่าวอีกว่า จากการสอบสวน ด.ญ.เฟิร์น และ ด.ญ.ข้าวฟ่าง ให้การว่า ในช่วง
พักกลางวันได้ลงมาพักกินข้าวในโรงอาหาร ขณะกินข้าวอยู่นั้นได้ลืมกระติกน้ำไว้ในห้องเรียนจึงได้ขึ้นไปเอา ปรากฏว่าเมื่อไปถึงได้เห็น ด.ช.ก้องฟ้า และ ด.ช.ก้องภพ และนายพยัพ
ฉิมสุข ครูชั้น ป.3 อยู่ในห้องเรียนของตน เมื่อเดินเข้าไปในห้องเรียน ซึ่งขณะนั้นครูพายัพและเด็กนักเรียนชายได้อยู่ในห้องก่อนแล้ว จากนั้นเด็กหญิงทั้งสองให้การว่า ครูได้สั่งให้เด็กชายนักเรียนทั้งสองเข้ามาถอดเสื้อผ้า ด.ญ.เฟิร์น และ ด.ญ.ข้าวฟ่างออก จากนั้นครูได้ให้เด็กนักเรียนชายทั้ง 2 ใช้นิ้วมือและอวัยวะเพศจิ้มไปที่อวัยวะเพศหญิงนักเรียน 2 คนดังกล่าว แล้วครูก็นั่งดู โดยครูดังกล่าวอ้างว่าจะสอนวิชาเพศศึกษาให้ ซึ่งเด็กชายและเด็กหญิงทั้ง 2 ฝ่ายต่างไร้เดียงสา และไม่รู้ตัวด้วยว่ากำลังทำอะไรจึงยินยอมทำตามที่ครูสั่ง
หลังจากเลิกเรียน เด็กหญิงทั้ง 2 คน เมื่อกลับมาถึงบ้านจึงมาเล่าให้ผู้ปกครองฟังถึงความวิตถารของครูที่ให้เด็กนักเรียนชายกระทำอนาจารกับเด็กทั้ง 2 คนดังกล่าว ซึ่งเมื่อพ่อแม่ทราบเรื่องถึงกับเดือดดาล จากนั้นจึงได้เข้าแจ้งความต่อตำรวจเพื่อให้ดำเนินคดีต่อครูจิตวิปริตดังกล่าว
พ.ต.อ.สมนึก กล่าวอีกว่า สำหรับความคืบหน้าของคดีขณะนี้ได้ดำเนินการสอบสวนทั้งพยานและผู้เสียหายแล้วซึ่งกำลังอยู่ขั้นตอน ให้นักจิตวิทยาและหน่วยงานเกี่ยวกับสิทธิเด็กและสตรี เพื่อทำการสอบเด็กชายทั้ง 2 และพยานอื่นๆ มาสอบสวนเพิ่มเนื่องจาก เป็นเด็กจะต้องมีขบวนการสอบสวนที่ละเอียดอ่อน เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบทางด้านจิตใจและชื่อเสียงของทั้งเด็กและผู้ปกครอง รวมถึงฝ่ายที่ถูกกล่าวหาด้วย โดยจะให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย ซึ่งจะต้องหาหลักฐานเพิ่มเติมให้รัดกุมเพื่อเตรียมออกหมายเรียก และแจ้งข้อหากับนายพยัพ ครูดังกล่าว ในเบื้องต้นเราเตรียมแจ้งข้อหาทำอนาจารเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี เอาไว้แล้ว
ในส่วนของ นายสุรเสน ทั่งทอง ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาพิจิตร เขต 1 เปิดเผยว่า เรื่องดังกล่าวได้รับรายงานแล้ว และในขณะนี้ได้สั่งการให้นายพยัพ ย้ายด่วน มาช่วยราชการที่ สพท.พิจิตร เขต 1 ทั้งนี้เพื่อลดปัญหาข้อพิพาทและป้องกันมิให้ญาติของเด็กนักเรียนที่กำลังโกรธแค้นมาทำร้าย หรือเกิดวิวาทกันอีกทั้งเพื่อให้อิสระกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในการสืบหาพยาน โดยปราศจากการข่มขู่ ซึ่งถ้าพบหลักฐานว่ามีความผิดจริง และถูกดำเนินคดีอาญาก็อาจมีโทษถึงถูกไล่ออกจากราชการ แต่ขณะนี้เท่าที่สอบถามนายพยัพได้ให้การปฏิเสธ ซึ่งก็ต้องรอให้ตำรวจและศาลยุติธรรมเป็นผู้พิสูจน์ความจริงให้สังคมตัดสินอีกครั้ง
