เพชรบูรณ์/พะเยา – เปิดบทเรียนการต่อสู้โชวห่วย 2 จังหวัดในภาคเหนือ ที่รวมกลุ่มต่อกรกับห้างใหญ่ ทุนยักษ์ โดยเลือกใช้ศาลปกครองเป็นที่พึ่ง เผยกรณี “โลตัส หนองไผ่” พ่ายคดี หลังถูก “กลุ่มรักษ์หนองไผ่” ฟ้อง พบ 2 แกนหลัก “เจ๊แม่ – พี่เล็ก 2 แม่ลูกเสื้อเหลือง” เป็นตัวเดินเกมหลัก จับพิรุธทุกเม็ดก่อนชงเรื่องฟ้องศาล ปกป้องค้าปลีกชุมชน ขณะที่ชมรมพ่อค้าเชียงคำ เมืองกว๊านพะเยา กลับพ่ายคดี จนถึงวันนี้ ยังหาทางออกไม่ได้ ขณะที่ “โลตัส” เปิดบริการตีกินมาได้กว่าปีแล้ว
นับตั้งแต่ 14 พฤศจิกายน 2551 เป็นต้นมา ไม่ว่า ใครผ่านไปผ่านมา บริเวณถนนหลวง 4 เลน หมายเลข 21 สระบุรี-หล่มสัก ย่อมสังเกตเห็น ห้างเทสโก้ โลตัส ที่เพิ่งถูกศาลปกครอง จ.พิษณุโลก พิพากษาเพิกถอนใบรับรองการก่อสร้างหรือการใช้อาคารฯ เมื่อ 10 สิงหาคม 2552 ตั้งอยู่สูงเด่น และสร้างผลกระทบต่อยอดขายของโชวห่วยในชุมชน ทำให้ขายได้น้อยลงไม่ต่ำกว่า 40%มาอย่างต่อเนื่อง
เพราะเมืองระดับอำเภอเล็กๆ เช่นนี้ คนในพื้นที่บางคนอดไม่ได้ที่หลงใหลห้างหรู จนแห่ใช้บริการ
2 แม่ลูกเสื้อเหลือง“รักษ์หนองไผ่”เฮ
ผู้สื่อข่าวประจำพิษณุโลก ได้ติดตามเรื่องราวของ “เทสโก้ โลตัส หนองไผ่” ซึ่งดูเหมือนจะเป็นห้างใหญ่-ทุนยักษ์ สาขาแรก ๆ ที่ถูกศาล (ชั้นต้น) ตัดสินให้แพ้คดี หลังถูกโชวห่วย-กลุ่มพลังในท้องถิ่น เปิดตำรากฎหมายเข้าต่อกร เพื่อเป็นบทเรียนสำหรับกิจการค้าปลีกรายย่อยตามชุมชนต่าง ๆ ทั่วประเทศ ได้ใช้เป็นแนวทางการต่อสู้กับห้างยักษ์ ที่นับวันจะขยายเครือข่ายเข้าไปยึดพื้นที่ถึงระดับอำเภอ-ตำบลไปแล้ว
เรื่องราวการต่อสู้ของ“กลุ่มรักษ์หนองไผ่” ซึ่งเป็นกลุ่มประชาชนรวมตัวกันเพื่อดูแลปกป้องผลประโยชน์ของผู้ประกอบการค้าปลีกค้าส่งในตำบลหนองไผ่ ที่มีแกนหลัก คือ นางสุกัญญา พรพฤษนันท์ (เจ๊แม่) และลูกสาวคือ นางเบญจมาศ พรพฤกษนันท์(พี่เล็ก) ถือเป็นผู้ฟ้องอันดับ 1 และ 2 ตามลำดับ รวมตัวกับกลุ่มผู้ค้าปลีกละแวกข้างเคียงในอำเภอหนองไผ่คัดค้านการรุกขยายสาขาเทสโก้ โลตัส เข้ามายังพื้นที่ต่างอำเภอ เพราะรู้ดีกว่า ผลกระทบที่เกิดอนาคตแก่โชวห่วยในท้องถิ่น รอวันล่มสลายทุกครั้งยักษ์ค้าปลีกรุกคืบ คือ การบ่อนทำลายรากฐานเศรษฐกิจในชุมชนไม่รู้ตัว
ด้วยวัย 60 ปีของ “เจ๊แม่” ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมานาน และเป็นคนกว้างขวางในธุรกิจรับซื้อข้าวโพดตั้งแต่ยุคบุกเบิก เป็นที่นับถือของคนหนองไผ่ เรียกว่า เศรษฐีนีในภูธร มีตึกให้เช่า 4 หน้าห้อง กว้างตึก 5 เมตร ลึก 20 เมตร เดิมด้านหลัง คือ ปั๊มน้ำมันเก่า แต่ปัจจุบัน คือ ที่ตั้ง เทสโก้ โลตัส สาขาหนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์
ขณะที่ลูกสาว คนในพื้นที่ทราบดีว่า “พี่เล็ก”ดูแลธุรกิจโชวห่วย-ค้าปลีกในอำเภอหนองไผ่ พอมิวิชาความรู้ที่ได้ร่ำเรียนมา เป็นหัวหอกต่อสู้กับค้าปลีกข้ามชาติครานี้
การเคลื่อนไหวคัดค้านของชุมชนในพื้นที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง นับแต่ “เจ๊แม่ -นางสุกัญญา พรพฤษนันท์” ทราบข่าวว่า นายทุนข้ามชาติติดต่อซื้อที่ดินหลังตึกแถวอาคารพาณิชย์ของตน
บริษัทเอก-ชัย ดีสทริบิวชั่น จำกัด ผู้ดำเนินกิจการห้างเทสโก้โลตัส ได้ยื่นขออนุญาตก่อสร้างอาคาร (แบบ ข.1) สร้างอาคาร คสล.1 ชั้น จำนวน 1 หลัง เพื่อให้เป็นห้างสรรพสินค้า, พาณิชย์ (ค้าปลีก ค้าส่ง อุปโภค-บริโภค) ภัตตาคาร, ห้องเย็น, เบเกอรี่, สำนักงาน ระบุที่จอดรถ 61 คน พื้นที่อาคาร 1,157 ตารางเมตร ต่อเทศบาลหนองไผ่ เมื่อ 16 พฤษภาคม 2551 และนายกเทศมนตรี ต.หนองไผ่ อ.หนองไผ่ ใช้เวลาพิจารณาอนุญาตเพียง 4 วันทำการ ก็จรดปากกาเซ็นอนุมัติ
23 พฤษภาคม 2551 บริษัทเอก-ชัย ดีสทริบิวชั่น ชำระค่าธรรมเนียมขออนุญาตก่อสร้าง
จากการตรวจสอบของ “เจ๊แม่ – นางสุกัญญา” พบว่า อาคารดังกล่าวมีพื้นที่ 6,240 ตารางเมตร ไม่ตรงตามคำขอ 1,157 ตารางเมตร
หากพิจารณาอย่างละเอียดพบว่า มี 2 อาคารตั้งซ้อนกันอยู่ คือ อาคารพาณิชย์กรรมหลังหนึ่งพื้นที่ 6,240 ตารางเมตร แต่ขออนุญาตก่อสร้าง 1,157 ตารางเมตร
กลุ่มรักษ์หนองไผ่ จึงมีหนังสือลงวันที่ 2 มิถุนายน 2551 ร้องเรียนไปที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเพชรบูรณ์ เพื่อให้ชะลอการก่อสร้างอาคารไว้ก่อน แต่เทศบาลตำบลหนองไผ่ และนายกเทศมนตรีตำบลหนองไผ่ ก็ไม่แก้ไขคำขอให้ถูกต้อง เดินหน้าออกใบอนุญาตให้ก่อสร้างเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2551
ประเด็นนี้ กลุ่มรักษ์หนองไผ่ เข้าใจว่า เป็นการขัดต่อกฎหมายว่า ด้วยผังเมืองรวม 2550 ข้อ 3 (2) ที่ระบุไว้ว่า อาคารพาณิชย์กรรมค้าปลีกค้าส่งที่มีพื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 300-800 ตารางเมตร ต้องเป็นตามหลักเกณฑ์ คือ ต้องอยู่ห่างแนวศูนย์กลางถนนสาธารณะที่มีเขตทางตั้งแต่ 14 เมตรขึ้นไป ไม่น้อยกว่า 100 เมตร และหากเกิน 800 ตารางเมตร จะต้องห่างจากเขตเทศบาลและเขตผังเมืองรวมไม่น้อยกว่า 9 กิโลเมตร และแนวศูนย์กลางปากทางเข้าออกถนนของรถยนต์ต้องอยู่ห่างจากทางร่วมทางแยก ที่บรรจบกันของถนนสาธารณะที่มีขนาด 14 เมตรขึ้นไปไม่น้อยกว่า 500 เมตร
“เจ๊แม่-นางสุกัญญา” ระบุในคำฟ้องว่า เทสโก้ มีจุดประสงค์ใช้อาคารหลังใหญ่ซึ่งมีเนื้อที่ใช้สอย 6,240 ตารางเมตรมากกว่า ต้องใช้หลักเกณฑ์ พื้นที่ใช้สอยในคำขอเกิน 800 ตารางเมตร จึงตัดสินใจหยิบยกขึ้นมาประเด็นการต่อสู้ ในเรื่องของพื้นที่ใช้สอยบนอาคารพิพาท
คำว่า “อาคาร” นางสุกัญญา บอกว่า จริงๆแล้ว ไม่ควรคิดพื้นที่เฉพาะสินค้าที่จำหน่าย หรือ Sale area ต้องคิดพื้นที่เกี่ยวเนื่องของกิจการที่อยู่ภายในอาคารเดียวกันด้วย
แต่ห้างฯ กลับใช้วิธีแยบยล แยกส่วน อาคารพิพาท เป็นสำนักงาน 61 ตารางเมตร พื้นที่เก็บสินค้า 97 ตารางเมตร ทางเดิน 124 ตารางเมตร พื้นที่ให้เช่า 135 ตารางเมตร ห้องน้ำ 31 ตารางเมตร พื้นที่พาณิชย์ 709 ตารางเมตร
จนนำมาซึ่งการเป็นอาคารพาณิชยกรรมที่ไม่ผิดเงื่อนไขข้อกฎหมาย
แต่การวินิจฉัย “อาคาร”เป็นเพียงแค่ความเห็นของบุคคลธรรมดา ไม่ใช้ความเห็นของผู้มีอำนาจวินิจฉัยและไม่ใช่คำพิพากษาอันเป็นที่สิ้นสุด ปัญหาตีความ “อาคาร”จึงคาใจกลุ่มรักษ์หนองไผ่จนถึงทุกวันนี้
กระทั่ง วันที่ 14 กรกฎาคม 2551 สมาชิกกลุ่มรักษ์หนองไผ่ ทำหนังสือลงร้องขอให้ยกเลิก เพิกถอนใบอนุญาต ยื่นต่อเทศบาลตำบลหนองไผ่ และนายกเทศมนตรี ต.หนองไผ่ แต่ไม่เป็นผล
26 กันยายน 2551 ผู้ฟ้องทั้ง 15 คน ในนาม”กลุ่มรักษ์หนองไผ่” จึงเดินหน้าฟ้องต่อศาลปกครองพิษณุโลก
ต่อมา 11 พฤศจิกายน 2551 นายกเทศมนตรีตำบลหนองไผ่ ได้ออกใบรับรองการใช้อาคารโลตัส หรืออาคารพิพาท ซึ่งเป็นการอนุญาตให้ใช้อาคาร จนสามารถเปิดกิจการได้ 14 พฤศจิกายน 2551 เป็นต้นมา
1 ใน 15 ผู้ฟ้องคดี พิพาทเจ้าหน้าที่รัฐออกคำสั่งทางปกครองโดยไม่ชอบ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าว ประจำจังหวัดพิษณุโลก ว่า การต่อสู้ของ สองแม่-ลูก ตระกูลพรพฤษนันท์ ทำให้ศาลปกครองพิษณุโลก เพิกถอนใบอนุญาต แต่ห้างเทสโก้ฯ คงเปิดดำเนินการต่อถึงปัจจุบันพร้อมอุทธรณ์ต่อสู้ในทางกฎหมาย
สำหรับ “เจ๊แม่-พี่เล็ก” ถือเป็นที่รู้จักและยอมรับในสังคมชนบทไทยในอำเภอหนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์ ที่รวมพลังตั้ง “กลุ่มรักษ์หนองไผ่”และที่สำคัญ ทั้งสองคนยังมีอุดมการณ์เดียวกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย คือเป็น “เสื้อเหลืองเต็มตัว”
ในช่วงที่ พันธมิตรฯชุมนุมต่อต้านรัฐบาลทักษิณ – นอมินี “นางสุกัญญา หรือเจ๊แม่” วิ่งเข้าออกกรุงเทพฯ เพื่อร่วมชุมนุมใหญ่ของกลุ่มคนเสื้อเหลือง-พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหลายครั้ง จึงไม่แปลกใจนัก ที่เมื่อถึงคราวจำเป็นต้องสู้กับความไม่เป็นธรรม จึงยอมลงทุน ลงแรง สู้กับยักษ์ค้าปลีกข้ามชาติ หมดเงินไปเป็นแสนก็ยอม เพื่อความชอบธรรมในสังคมไทย
ชาวบ้านหนองไผ่ ต่างพูดเป็นเสียงเดียวว่า ค่าใช่จ่าย ไม่ว่าทนายและค่าใช้จ่ายอื่นๆถือว่า เล็กน้อยสำหรับผู้ที่พวกเขา เรียกว่า “เจ๊แม่-พี่เล็ก”
โชวห่วยเชียงคำพ่าย
ส่วนกรณีเทสโก้โลตัส สาขา อ.เชียงคำ จ.พะเยา ที่ชมรมพ่อค้า อ.เชียงคำ จ.พะเยา ได้ออกมาเรียกร้องให้มีการปกป้องธุรกิจของคนท้องถิ่นด้วยการให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นคือเทศบาล ต.เชียงคำ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมออกมาปกป้องร่วมกัน เนื่องจากห้างสรรพสินค้าเทสโก้ โลตัส ได้เข้าไปก่อสร้างใหม่ภายในเขตเทศบาลหน้าวัดดอนไชย เทศบาล ต.เชียงคำ
กระทั่งมีการฟ้องร้องเทศบาล ต.เชียงคำ ต่อศาลปกครอง โดยระบุว่าไม่นำกฎระเบียบขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ที่มีอยู่ปกป้องกลุ่มทุนท้องถิ่นตั้งแต่ปี 2550 จนกลายเป็นคดีความยืดยาวข้ามปีขณะที่เทสโก้โลตัสก่อสร้างแล้วเสร็จและเปิดให้บริการมาได้นานนับปีแล้วนั้น ปรากฏว่า ล่าสุดศาลปกครองเชียงใหม่ได้มีคำพิพากษาในคดีดังกล่าวแล้ว
ทั้งนี้ มีเนื้อหาของคำพิพากษาว่า “ตามที่นายชัยพร วงศ์สถาพรชัย ประธานชมรมพ่อค้าเชียงคำ อ.เชียงคำ จ.พะเยา พร้อมพวก 38 คน ยื่นฟ้องเทศบาล ต.เชียงคำ ต่อศาลปกครองเชียงใหม่ ตามคดีหมายเลขดำที่ 210/2550 หมายเลขแดงที่ 159/2552 โดยคำขอของผู้ฟ้องคดี ขอให้ศาลมีคำพิพากษา หรือคำสั่งให้เพิกถอนใบรับแจ้ง แจ้งความประสงค์จะก่อสร้าง ดัดแปลง รื้อถอน หรือเคลื่อนย้ายอาคาร หรือเปลี่ยนแปลงใช้อาคาร โดยไม่ยื่นคำขอรับใบอนุญาตตามมาตรา 39 ทวิ แห่ง พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 และแก้ไขเพิ่มเติมเลขที่ 63/2550 ลงวันที่ 4 เมษายน 2550 ที่เทศบาล ต.เชียงคำ ออกให้แก่บริษัทเอก-ชัย ดิสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด (เทสโก้ โลตัส)
ห้ามมิให้บริษัทฯ ประกอบธุรกิจค้าปลีกส่งสมัยใหม่ในอาคารที่ก่อสร้าง ตามใบรับหนังสือแจ้งความประสงค์ดังกล่าว
ในการนี้ศาลปกครองเชียงใหม่ได้มีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2552 ตามคดีหมายเลขดำที่ 159/2552 พิพากษายกฟ้อง เนื่องจากไม่อาจถือได้ว่าผู้ฟ้องคดีเป็นผู้ได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหายโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้ ตามนัยมาตรา 42 วรรคหนึ่งแห่ง พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครอง และวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2542"
ด้านนายชัยพร วงศ์สถาพรชัย ประธานชมรมพ่อค้า อ.เชียงคำ กล่าวว่าหลังได้รับทราบคำพิพากษาของศาลปกครองเชียงใหม่ดังกล่าวแล้ว ทางชมรมจะมีการปรึกษาหารือกันก่อนว่าจะทำอย่างไรต่อไป โดยคงจะมอบหมายให้เป็นไปตามการตัดสินใจของฝ่ายกฎหมายของชมรมว่าจะยุติการต่อสู้หรือจะขออุทธรณ์สู้คดีกันต่อไป
“เบื้องต้นภายในกลุ่มผู้ฟ้องซึ่งมีอยู่จำนวน 38 คนดังกล่าวก็ยังคิดไม่ออกว่าจะทำอย่างไรต่อไปจึงต้องขอเวลาอีกซักกระยะจึงจะรู้ผลการดำเนินการต่อไป”