ศูนย์ข่าวศรีราชา - เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบฯ บุกตรวจสอบแก๊งเงินกู้ เครือข่ายรายใหญ่แห่งภาคกลาง-ภาคตะวันออก ในเขตพื้นที่ตำบลตะเคียนเตี้ย อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี
จากกรณีตำรวจกองปราบบุกทลายรังแก๊งปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยโหดรายใหญ่ภาคกลาง ในพื้นที่ หมู่ 4 ต.คลองจิก อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา ยึดของกลางสมุดคู่มือทะเบียนรถ สมุดเก็บเงินกู้กว่า 20 ล้าน พร้อมปืน และเครื่องกระสุนกว่า 10 กระบอก ขณะที่ นายบดินทร์ หรือเสือ สัตย์ธรรม อายุ 30 ปี หัวแก๊งเงินกู้โหดหลบหนีไปได้ เมื่อวันที่ 18 ก.ค.2552 ที่ผ่านมา
ต่อมาวันนี้ (11 ส.ค.) พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี ผกก.2 บก.ป.นำกำลังตำรวจกองปราบปรามกว่า 50 นาย โดยจัดแบ่งชุดกำลังออกเป็น 2 ชุด บุกทลายรังแก๊งเงินกู้นอกระบบในพื้นที่ อ.ศรีราชา และ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังสืบทราบว่าเป็นเครือข่ายเดียวกันแก๊งเงินกู้ของนายบดินทร์ ที่ยังหลบหนีการจับกุมอยู่ในขณะนี้
โดยเข้าตรวจสอบที่บ้านเลขที่ 3/2 และ 3/26 หมู่ 2 ต.ตะเคียนเตี้ย อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เบื้องต้นพบชายฉกรรจ์ประมาณ 20 คน และรถจักรยานยนต์ฮอนด้า ซีบีอาร์ กว่า 10 คัน พร้อมรายชื่อผู้กู้เงินกว่า 400 ราย ในพื้นที่จังหวัดชลบุรี ระยอง จันทบุรี สมุทรปราการ เขตลาดกระบัง เขตบ่อวิน อ.บ้านบึง อ.วังจันทร์ อ.แกลง และ อ.กบินทร์บุรี โดยอัตราดอกเบี้ยกู้เงินร้อยละ 20 แบบทบต้นทบดอก จึงยึดไว้เป็นหลักฐาน แต่ไม่พบสิ่งผิดกฎหมายประเภทอื่นแต่อย่างใด
ขณะเดียวกัน พบ นางสาวณัฐรุจา ป้อมคำ อายุ 32 ปี ซึ่งยอมรับเป็นผู้ดูแล ให้การว่า เป็นเครือข่ายเดียวกับนายบดินทร์ ซึ่งช่วง 4-5 เดือนหลัง ทางพวก นางสาวณัฐรุจา มีการเจรจาขอซื้อระบบเงินกู้ทั้งหมด เพื่อแยกตัวออกมาทำเอง และในช่วงนี้อยู่ในระหว่างการทดลองทำ ลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นแม่ค้า และกลุ่มธุรกิจประกอบการที่ต้องใช้เงินหมุนเวียนรายวัน โดยจะมีวงเงินหมุนเวียน 70,000-100,000 บาท ต่อวัน
ด้าน พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี ผกก.2 บก.ป.เปิดเผยว่า การบุกตรวจค้นในครั้งนี้ สืบสวนเนื่องมาจากการขยายผลเพิ่มเติมของการได้รับการร้องเรียนจากประชาชนที่ตกเป็นเหยื่อของแหล่งปล่อยเงินกู้นอกระบบ ในการเก็บดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด ซึ่งก่อนหน้านี้ ได้เข้าทำการบุกทลายแก๊งเงินกู้ในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา จนสามารถขยายผล พบว่า ยังมีเครือข่ายในแถบภาคตะวันออก จึงมีการเข้าตรวจสอบดังกล่าว
จากกรณีตำรวจกองปราบบุกทลายรังแก๊งปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยโหดรายใหญ่ภาคกลาง ในพื้นที่ หมู่ 4 ต.คลองจิก อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา ยึดของกลางสมุดคู่มือทะเบียนรถ สมุดเก็บเงินกู้กว่า 20 ล้าน พร้อมปืน และเครื่องกระสุนกว่า 10 กระบอก ขณะที่ นายบดินทร์ หรือเสือ สัตย์ธรรม อายุ 30 ปี หัวแก๊งเงินกู้โหดหลบหนีไปได้ เมื่อวันที่ 18 ก.ค.2552 ที่ผ่านมา
ต่อมาวันนี้ (11 ส.ค.) พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี ผกก.2 บก.ป.นำกำลังตำรวจกองปราบปรามกว่า 50 นาย โดยจัดแบ่งชุดกำลังออกเป็น 2 ชุด บุกทลายรังแก๊งเงินกู้นอกระบบในพื้นที่ อ.ศรีราชา และ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังสืบทราบว่าเป็นเครือข่ายเดียวกันแก๊งเงินกู้ของนายบดินทร์ ที่ยังหลบหนีการจับกุมอยู่ในขณะนี้
โดยเข้าตรวจสอบที่บ้านเลขที่ 3/2 และ 3/26 หมู่ 2 ต.ตะเคียนเตี้ย อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เบื้องต้นพบชายฉกรรจ์ประมาณ 20 คน และรถจักรยานยนต์ฮอนด้า ซีบีอาร์ กว่า 10 คัน พร้อมรายชื่อผู้กู้เงินกว่า 400 ราย ในพื้นที่จังหวัดชลบุรี ระยอง จันทบุรี สมุทรปราการ เขตลาดกระบัง เขตบ่อวิน อ.บ้านบึง อ.วังจันทร์ อ.แกลง และ อ.กบินทร์บุรี โดยอัตราดอกเบี้ยกู้เงินร้อยละ 20 แบบทบต้นทบดอก จึงยึดไว้เป็นหลักฐาน แต่ไม่พบสิ่งผิดกฎหมายประเภทอื่นแต่อย่างใด
ขณะเดียวกัน พบ นางสาวณัฐรุจา ป้อมคำ อายุ 32 ปี ซึ่งยอมรับเป็นผู้ดูแล ให้การว่า เป็นเครือข่ายเดียวกับนายบดินทร์ ซึ่งช่วง 4-5 เดือนหลัง ทางพวก นางสาวณัฐรุจา มีการเจรจาขอซื้อระบบเงินกู้ทั้งหมด เพื่อแยกตัวออกมาทำเอง และในช่วงนี้อยู่ในระหว่างการทดลองทำ ลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นแม่ค้า และกลุ่มธุรกิจประกอบการที่ต้องใช้เงินหมุนเวียนรายวัน โดยจะมีวงเงินหมุนเวียน 70,000-100,000 บาท ต่อวัน
ด้าน พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี ผกก.2 บก.ป.เปิดเผยว่า การบุกตรวจค้นในครั้งนี้ สืบสวนเนื่องมาจากการขยายผลเพิ่มเติมของการได้รับการร้องเรียนจากประชาชนที่ตกเป็นเหยื่อของแหล่งปล่อยเงินกู้นอกระบบ ในการเก็บดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด ซึ่งก่อนหน้านี้ ได้เข้าทำการบุกทลายแก๊งเงินกู้ในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา จนสามารถขยายผล พบว่า ยังมีเครือข่ายในแถบภาคตะวันออก จึงมีการเข้าตรวจสอบดังกล่าว