เชียงใหม่- โครงการม่วนก๋าย ม่วนใจ๋ แอ่วเชียงใหม่แกรนด์เซลล์ปิดฉากลงแล้วด้วยยอดรายได้ 600 ล้าน ระบุหากไม่มีแพนด้าน้อยตัวเลขอาจไม่สูงเท่านี้ พร้อมยอมรับความผิดพลาดในการจัดงานที่ขาดการประชาสัมพันธ์ให้ทั่วถึงเหตุเป็นการจัดงานครั้งแรกแถมจำลองมาจากฮ่องกงถือเป็นบทเรียนเตรียมแก้ตัวใหม่ปีหน้า
เสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้วสำหรับโครงการม่วนก๋าย ม่วนใจ๋ แอ่วเชียงใหม่แกรนด์เซลล์ 2009 ซึ่งจังหวัดเชียงใหม่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 31 พฤษภาคม-2 สิงหาคม 2552 โดยนายชูชาติ กีฬาแปง รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่เป็นประธานในพิธีปิดโครงการพร้อมกับกล่าวว่า การจัดโครงการดังกล่าวนี้ เพื่อเป็นการสร้างความต้องการในการซื้อสินค้าและบริการที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว โดยเฉพาะเป็นการกระตุ้นภาวะการท่องเที่ยวในช่วงฤดูฝนซึ่งถือว่าเป็นโลว์ซีซันให้จังหวัดเชียงใหม่มีกิจกรรรมในช่วงกล่าว และถือเป็นการจัดงานครั้งนี้เป็นครั้งแรก เพื่อฝ่ากระแสวิกฤตต่าง ๆ
นอกจากนี้แล้ว กิจกรรมดังกล่าวถือว่าประสบความสำเร็จพอสมควร เกิดการจับจ่ายสินค้าและบริการเพิ่มขึ้นอย่างหลากหลายในทุกระดับสินค้าและบริการโดยเฉพาะกับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการที่จัดเป็นรวมเวลา 2 เดือนเศษ โดยคาดว่ารายได้ที่เป็นตัวเลขคร่าว ๆ น่าจะอยู่ที่ประมาณ 600 ล้านบาท โดยโครงการนี้มีผู้ประกอบการเข้าร่วมทั้งหมด 353 แห่ง มีการลดราคาสินค้าและบริการระหว่าง 10-70 %
ด้านนายณรงค์ คองประเสริฐ ประธานหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวยอมรับว่า การจัดงานครั้งนี้ถือเป็นการจัดงานครั้งแรก และเป็นการจำลองรูปแบบของการจัดงานมาจากประเทศฮ่องกง จึงมีข้อผิดพลาดอยู่บ้างโดยเฉพาะด้านการประชาสัมพันธ์ที่มีการท้วงติงว่าไม่ครอบคลุม นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ไม่ทราบว่ามีองค์กรใด หรือร้านค้าใดเข้าร่วมโครงการบ้าง อย่างไรก็ตามโดยภาพรวมแล้วก็ถือว่าเป็นบรรยากาศที่ค่อนข้างประสบความสำเร็จและจบลงด้วยดี
ข้อผิดพลาดทั้งหมดจะมีการนำมาปรับปรุงและจะแก้ไขให้ดีในปีหน้า ซึ่งคาดว่าน่าจะมีการจัดกันใหม่และให้ถือเป็นกิจกรรมประจำปีที่จะต้องจัดกันในช่วงโลว์ซีซัน เพื่อให้จังหวัดเชียงใหม่มีกิจกรรมให้ครบตลอดทั้งปี
“ถือเป็นเรื่องที่โชคดีของจังหวัดเชียงใหม่ ที่มีแพนด้าน้อยมาช่วยเสริมบรรยากาศการท่องเที่ยวอีกแรงหนึ่งและถือเป็นจุดเด่นที่สำคัญหากไม่มีจุดนี้ ก็ไม่รู้ว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของเชียงใหม่ให้ดีขึ้นมาได้อย่างไร และถือเป็นเรื่องที่คนเชียงใหม่จะต้องช่วยกันให้มากกว่านี้”
อย่างไรก็ตาม นายวัยรักษ์ วลัยรัตน์ พาณิชย์จังหวัดเชียงใหม่ กล่าวเสริมว่า โครงการดังกล่าวถือว่าเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจของเชียงใหม่ให้เกิดการาจับจ่ายใช้สอย โดยปกติแล้วช่วงโลว์ซีซันเชียงใหม่จะไม่มีกิจกรรมอะไรมากนัก การจัดกิจกรรมดังกล่าวจึงถือว่า เป็นการช่วยกระตุ้นให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในเชียงใหม่และเกิดอานิสงส์เผื่อแผ่ไปยังจังหวัดใกล้เคียงอีกด้วย เพราะจากการสำรวจแล้วพบว่า นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวเชียงใหม่ในช่วงโลว์ซีซันนี้มักจะเป็นคนในพื้นที่และจังหวัดใกล้เคียงไม่ว่า จะมาเที่ยวโครงการดังกล่าวหรือมาชมแพนด้าน้อยก็ตาม
