ศูนย์ข่าวนครราชสีมา- “พัชรวาท” หนีร้อนลงโคราช เปิดฝึกอบรมชุดควบคุมฝูงชนตำรวจ 19 จว.ภาคอีสาน แจงปรับแผนรักษาความสงบ “กรกฎ 48” ให้มีประสิทธิภาพตามมาตรฐานสากล ชี้ ตร.ต้องไม่กลัวถูกฟ้องร้องคดีสลายม็อบอ้างให้ยึดหลัก กม.-ผลประโยชน์ ปชช. โอ่เจ้าตัวไม่เคยท้อถอยเจอปัญหามามากถือเป็นเรื่องเล็กน้อย ยอมรับการสลายม็อบของ ตร.ถูกรุมสวดรุนแรงเกินไปสังคม-ปชช.รับไม่ได้ เตรียมเสนอรัฐบาลดูแลลูก ตร.เสียชีวิตจากเหตุความไม่สงบชายแดนใต้
วันนี้ (3 ส.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น.ที่ศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธรภาค 3 ต.จอหอ อ.เมือง จ.นครราชสีมา พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พร้อม พล.ต.ท.อดุลย์ แสงสิงห์แก้ว ผู้ช่วยผู้บัญชาตำรวจแห่งชาติ และคณะ ได้เดินทางมาเป็นประธานเปิดการฝึกอบรม “หลักสูตรครูฝึกกองร้อยควบคุมฝูงชน รุ่นที่ 3” โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดตำรวจภูธรภาค 3 และ ภาค 4 เข้าร่วมการอบรมทั้งสิ้น 1,678 คน ทั้งนี้เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการบริหารวิกฤตการณ์ระดับผู้บริหารและครูฝึกกองร้อยควบคุมฝูงชน สามารถเข้าปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรฐานสากลและมีการปฏิบัติงานอย่างมืออาชีพ
ทั้งนี้ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.กล่าวต่อตำรวจผู้เข้าร่วมฝึกอบรมว่า จากปัญหาการชุมนุมของประชาชนที่มีขึ้นอย่างต่อเนื่องและขยายวงกว้างมากขึ้น การบริหารจัดการเหตุการณ์วิกฤตในระดับผู้บริหารที่มีอำนาจหน้าที่ในการควบคุมตัดสินใจที่ขาดการทำงานเป็นทีม ขาดระบบการใช้ฝ่ายอำนวยการในการบริหารจัดการ และเมื่อมีการประกอบกำลังในระดับต่างๆ แล้วยังขาดรูปแบบที่มีมาตรฐานความเป็นสากล ทำให้เมื่อจะเข้าแก้ไขสถานการณ์มักใช้ประสบการณ์เข้าดำเนินการส่งผลกระทบต่อการยอมรับของสังคมและประชาชน ทำให้ตำรวจถูกฟ้องร้องดำเนินคดีเหมือนที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีปัญหาและอุปสรรค์ก็ตามทุกคนไม่ต้องกลัว ขอให้มั่นใจยึดหลักความถูกต้องตามกฎหมายเป็นสำคัญ และทำหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ เช่น ตนที่เจอปัญหาอุปสรรคหลายอย่างยังไม่ท้อถอยเพราะเป็นเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น ต้องยึดประโยชน์และความสุขของประชาชนเป็นสำคัญ
พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าวอีกว่า การแก้ไขปัญหาในการปฏิบัติงานควบคุมฝูงชนนั้น จะมีการปรับแผนรักษาความสงบหรือ แผนกรกฎ 48 เดิมที่มีอยู่แล้วให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่นขั้นตอนการใช้กำลัง การใช้อุปกรณ์ต่างๆ ในการควบคุมฝูงชนจะต้องเป็นไปตามมาตรฐานสากลของทั่วโลกแต่ต้องไม่ผิดกับหลักวัฒนธรรมของไทยด้วย อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าการสลายการชุมนุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจยังถูกหลายฝ่ายวิพากษ์วิจารณ์ว่าทำรุนแรงไป ก็แล้วแต่ว่าจะมองกันอย่างไร แต่ทางตำรวจเองต้องอธิบายให้ได้ในสิ่งที่ได้กระทำไป และต้องยึดหลักของกฎหมายเพื่อให้ทุกอย่างเดินหน้าต่อไปได้
นอกจากนี้ พล.ต.อ.พัชรวาท ยังกล่าวถึงสถานการณ์ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า ต้องยอมรับว่าปัญหาภาคใต้ตอนนี้มีความรุนแรงมากขึ้นจริง แต่หากดูจากตัวเลขสถิติการเกิดเหตุกลับพบว่าไม่รุนแรงและลดลงกว่าปีที่ผ่านมา ซึ่งเรื่องนี้ต้องใช้เวลาในการแก้ไขปัญหาและคิดว่าการแก้ไขปัญหาเดินทางถูกทางแล้ว โดยเฉพาะยุทธวิธีโดยใช้หลักนิติวิทยาศาสตร์ในการตรวจสอบเช่นนี้ยังถือว่าถูกต้อง ประชาชนในพื้นที่เข้าใจดี
ในส่วนบุคลกรตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น ระดับผู้บังคับบัญชาในสำนักงานตำรวจแห่งชาตินั้นมีความห่วงใยตำรวจทุกคนที่ลงไปทำหน้าที่ หากบาดเจ็บหรือเสียชีวิต ผู้บังคับบัญชาจะลงไปดูแลทุกครั้ง หากถึงขั้นเสียชีวิตก็ต้องดูแลครอบครัวของข้าราชการตำรวจเป็นอย่างดีเช่นกัน
“ขณะนี้ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติกำลังเสนอรัฐบาลในการให้ทุนการศึกษากับบุตรของตำรวจที่เสียชีวิตจนสำเร็จและสามารถเข้าบรรจุเป็นข้าราชการตำรวจได้ ซึ่งจะนำเสนอเรื่องนี้ต่อรัฐบาลต่อ” พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าว
