ชัยภูมิ – “พล.อ.พิจิตร” องคมนตรี เป็นประธาน พิธีลงนาม MOU ทางวิชาการ ระหว่าง อบจ.ชัยภูมิ กับม.เทคโนฯราชมงคลพระนคร รับนักศึกษาจบ ม.6 ในโรงเรียนสังกัด อบจ. 26 แห่ง เข้าศึกษาต่อในคณะอุตสาหกรรมสิ่งทอและออกแบบแฟชั่น เพื่อรองรับตลาดแรงงานด้านสิ่งทอในพื้นที่ หวังกลับมาเป็นพลังสำคัญพัฒนาจังหวัดฯ
วานนี้ (31 ก.ค.) ที่ศูนย์เยาวชนเทศบาลเมืองชัยภูมิ พล.อ.พิจิตร กุลละวณิชย์ องคมนตรี ,นายกสภามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนครและประธานมูลนิธิพัฒนาอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มไทย เป็นประธานพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ทางวิชาการระหว่างมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร กับองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ชัยภูมิ โดยมีนายถาวร พรหมมีชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ พร้อมด้วย นายสุริยน ภูมิรัตนะประพิณ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดชัยภูมิ ร่วมลงนาม กับ รศ.ดวงสุดา เตโชติรส อธิการบดีมหาวิทยาลัยฯ และ ผศ.รศ.ฉัตรชัย เธียรหิรัญ รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการและวิจัย
พร้อมกันนี้ พล.อ.พิจิตร กุลละวณิชย์ องคมนตรี ได้เป็นประธานเปิดนิทรรศการคณะอุตสาหกรรมสิ่งทอและออกแบบแฟชั่น มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร ซึ่งได้รับความสนใจจากนักเรียนทั้ง 26 โรงเรียนในสังกัดอบจ.ชัยภูมิที่มาร่วมงานนับ 10,000 คน
นายสุริยน ภูมิรัตนะประพิณ นายก อบจ.ชัยภูมิภูมิ เปิดเผยว่า ในการลงนามข้อตกลงทางวิชาการในวันนี้เราต้องการเน้นให้การศึกษาบุตรหลานนักเรียนในสังกัด อบจ.ชัยภูมิ ทั้ง 26 โรงเรียน ได้รับสิ่งดีๆ เกี่ยวกับอุตสาหกรรมสิ่งทอ แต่มีสิ่งหนึ่งเรา อยากให้เด็กได้เรียนในคณะเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และอินเตอร์เพราะอุตสาหกรรมสิ่งทอต้องมีการประสานงานกับต่างประเทศ รวมทั้งบุคลากรต้องมีความรู้ด้านภาษาอังกฤษด้วย โดยทาง อบจ.ชัยภูมิพร้อมให้การสนับสนุนงบประมาณในการเรียนต่อคน 33,000 บาทต่อปี
ทางด้าน ผศ.ฉัตรชัย เธียรหิรัญ รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการและวิจัย เปิดเผยว่า ในส่วนของมหาวิทยาลัยฯเรามีเป้าหมายรับนักเรียนที่จบชั้น ม.6 เข้าศึกษาต่อในคณะอุตสาหกรรมสิ่งทอและออกแบบแฟชั่นเป็นหลัก เรียนจบแล้วจะได้กลับมาทำงานที่บ้านเกิดจ.ชัยภูมิซึ่งมีโรงงานอุตสาหกรรมสิ่งทอเป็นจำนวนมาก ซึ่งทางมหาวิทยาลัยฯ เคยทำข้อตกลงทางวิชาการกับ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล 45 โรงเรียนแล้ว
นายถาวร พรหมมีชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ กล่าวว่า การทำข้อตกลงระหว่าง อบจ.ชัยภูมิ และ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร ในวันนี้ เป็นสิ่งที่จะส่งเสริมให้ลูกหลานของพวกเราชาวชัยภูมิได้มีโอกาสที่ศึกษาต่อ โดยเฉพาะด้านอุตสาหกรรมสิ่งทอ ซึ่งเรามีโรงงานอุตสาหกรรมรองรับ เพราะเมื่อไปเรียนต่อมีความรู้มีศักยภาพแล้ว ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีงานทำ และหากได้กลับมาทำงานในจังหวัดบ้านเกิดเป็นการที่ดีในการสร้างครอบครัวที่อบอุ่นและเป็นพลังที่มีความเข้มแข็งมั่งคง ในการพัฒนาจังหวัดชัยภูมิต่อไป