ศรีสะเกษ - พ่อค้าแม่ค้าบ้านภูมิซรอล อ.กันทรลักษ์ ศรีสะเกษ วอนรัฐบาลเปิดอุทยานฯเขาพระวิหาร ให้นักท่องเที่ยวขึ้นชม “ผามออีแดง” ได้ เผยแม่ค้ากว่า 52 ราย เดือดร้อนหนัก กู้เงิน ธ.ออมสิน มาซื้อขายสินค้า แต่ถูกสั่งปิดอุทยาน ไม่มีรายได้ส่งใช้หนี้เงินกู้ถูกฟ้องร้องระนาว หลายรายทิ้งครอบครัวไปทำงานกรุงเทพฯ
วันนี้ (31 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณสามแยกบ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นบริเวณที่ตั้งร้านค้าจำหน่ายอาหาร ของที่ระลึก อุปกรณ์เครื่องใช้ และเสื้อผ้าทหาร บรรยากาศค่อนข้างเงียบเหงา เนื่องจากแทบจะไม่มีประชาชนนักท่องเที่ยวพากันมาท่องเที่ยวและหาซื้อสินค้า
ทั้งนี้ พ่อค้าแม่ค้าเหล่านี้เป็นกลุ่มที่เคยขึ้นไปเปิดร้านขายอาหาร สินค้าของที่ระลึกต่างๆ อยู่บนอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร และต้องหยุดกิจการจากสถานการณ์ตรึงกำลังทหารระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา และทางราชการได้สั่งปิดอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหารเป็นการชั่วคราวตั้งแต่วันที่ 3 เม.ย. เป็นต้นมา ส่งผลให้ไม่มีรายได้เพราะไม่สามารถขึ้นไปขายสินค้าบนอุทยานฯได้อีกและพยายามดิ้นรนเพื่อความอยู่รอดด้วยการพากันมาเปิดร้านค้าอยู่ที่บ้านภูมิซรอล บริเวณทางแยกมุ่งหน้าสู่อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหารดังกล่าว
นางปราณี สงวนพงษ์ อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 301 ม.13 บ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ อาชีพขายเสื้อผ้าของที่ระลึกและเครื่องแบบทหาร กล่าวว่า ก่อนหน้านี้พวกเราขายเสื้อผ้าบนผามออีแดงอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหารมีรายได้ดีมากวันละประมาณ 5,000-10,000 บาท แต่เมื่อมีการสั่งปิดอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหารต้องลงมาขายสินค้าอยู่ที่บริเวณสี่แยกบ้านภูมิซรอล ขายได้เพียงวันละ 500-1,000 บาท หลังจากหักค่าใช้จ่ายแล้วแทบไม่เหลือเงินมาใช้จ่ายเลี้ยงครอบครัว
อีกทั้งขณะนี้บรรดาพ่อค้าแม่ค้าที่เคยขายของที่ระลึกและขายอาหารบริเวณผามออีแดง อุทยาน จำนวน 52 ราย กำลังเดือดร้อนอย่างหนัก เพราะถูกธนาคารออมสินที่กลุ่มแม่ค้าไปกู้เงินมาลงทุนซื้อสินค้ามาขายฟ้องร้อง เพราะไม่มีเงินไปส่งใช้หนี้เงินกู้ตามกำหนดและอยู่ในระหว่างการเจรจาไกล่เกลี่ยกันอยู่
ขณะเดียวกัน พ่อค้าแม่ค้าหลายคนต้องทิ้งครอบครัว เพื่อไปรับจ้างทำงานที่ต่างจังหวัดและกรุงเทพฯ เพื่อหาเงินส่งมาเลี้ยงครอบครัว ทำให้พ่อแม่ลูกหลานทุกคนต้องเดือดร้อนไปกันหมด
นางปราณี กล่าวต่อว่า ปัจจุบันสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา บริเวณเขาพระวิหารสงบลงแล้วไม่มีความตึงเครียด และไม่มีการสู้รบแต่อย่างใด รวมทั้งทางฝ่ายกัมพูชาก็เปิดให้ประชาชนชาวกัมพูชาและนักท่องเที่ยวต่างประเทศขึ้นไปเที่ยวชมปราสาทพระวิหาร ในฝั่งของประเทศกัมพูชาได้ แสดงให้เห็นว่าเหตุการณ์บนเขาพระวิหารเข้าสู่ภาพปกติแล้ว
“ดังนั้น เพื่อประโยชน์ทางด้านการค้าและท่องเที่ยวของ จ.ศรีสะเกษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อเป็นการช่วยเหลือให้ผู้ประกอบการ พ่อค้าแม่ค้า และชาวบ้านที่อาศัยตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านเขาพระวิหาร มีรายได้เลี้ยงครอบครัว จึงอยากให้รัฐบาลสั่งเปิดอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหารเพื่อให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปเที่ยวชมผามออีแดงได้แล้ว” นางปราณี กล่าว