xs
xsm
sm
md
lg

ตร.ศรีสะเกษบุกรวบคาวัด-ผู้ต้องหาบวชหนีคดีฆ่าข่มขืน ด.ญ.2 พี่น้องนาน 3 ปี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ตำรวจจับกุม พระประสิทธิชัย ประสิทธิโก หรือ นายประสิทธิชัย นนทะพันธ์ ชาว อ.ขุขันธ์ จ.ศรีสะเกษ ผู้ต้องหาบวชหนีคดีสะเทือนขวัญฆ่าข่มขืนด.ญ. 2 พี่น้อง มานานกว่า 3 ปี วันนี้ (29 ก.ค.)
ศรีสะเกษ - ตร.ศรีสะเกษ บุกรวบคาวัด พระบวชหนีคดีสะเทือนขวัญ ฆ่าข่มขืนเด็กหญิง 2 พี่น้องตระกูลแช่มโตนด นานกว่า 3 ปี เผยผลการตรวจเส้นผมและขน ปรากฏว่า ดีเอ็นเอตรงกัน พร้อมประสาน ตร.สระบุรี เข้าจับกุม พลทหารเพื่อนร่วมแก๊งฆาตกรโหดอีก 1 รายแล้ว ด้านผู้ว่าฯ ศรีสะเกษ เผย เหตุคดีล่าช้ามี ขรก.ในพื้นที่พยายามทำลายหลักฐานสำคัญมัดตัวผู้ต้องหา ล่าสุด ตร.ตามรวบพลทหารขณะกลับมาเยี่ยมบ้านเกิดได้แล้ว

วันนี้ (29 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่วัดกวางขาว ต.นิคมพัฒนา อ.ขุขันธ์ จ.ศรีสะเกษ ร.ต.ท.ไพรวัลย์ อายุวงษ์ หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ภ.จว.ศรีสะเกษ พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ ตร.นปพ.และชุดเฉพาะกิจ ภ.จว.ศรีสะเกษ ได้นำเอาหมายจับของศาล จ.ศรีสะเกษ ลงวันที่ 28 ก.ค.2552 เข้าทำการจับกุม นายประสิทธิชัย หรือ อู๊ด นนทะพันธ์ อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 28/1 ม.8 ต.นิคมพัฒนา อ.ขุขันธ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งต้องหาว่าร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราเด็กหญิงอายุไม่เกิน 15 ปี 13 ปี ซึ่งไม่ใช่ภรรยาของตนโดยมีอาวุธแล้วฆ่า ซึ่ง นายประสิทธิชัย ได้หลบหนีคดีมาบวชเป็นพระอยู่ที่วัดแห่งนี้

ทันทีที่ชุดเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปในบริเวณวัด ปรากฏว่า พระประสิทธิชัย ผู้ต้องหาเกิดไหวตัวทัน พยายามวิ่งหลบหนี แต่ ตร.สามารถจับกุมนายประสิทธิชัย หรือ พระประสิทธิชัย ประสิทธิโก พระลูกวัดกวางขาว ได้โดยละม่อม ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แสดงหมายจับให้พระประสิทธิชัย ได้ทราบ จากนั้นควบคุมตัวผู้ต้องหาส่งมอบให้ พ.ต.ท.พงษ์พันธ์ พลวงษ์ศรี สารวัตรใหญ่ สภ.ปรือใหญ่ อ.ขุขันธ์ จ.ศรีสะเกษ ไปทำการสึกที่วัดนิคมสายเอก ต.นิคมพัฒนา อยู่ติดกับ สภ.ปรือใหญ่ ก่อนควบคุมตัวนายประสิทธิชัยไว้ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

พ.ต.ท.พงษ์พันธ์ พลวงษ์ศรี สารวัตรใหญ่ สภ.ปรือใหญ่ กล่าวว่า คดีนี้ มีผู้ต้องหา 2 คนด้วยกัน คือ นายประสิทธิชัย หรือ อู๊ด นนทะพันธ์ อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 28/1 ม.8 ต.นิคมพัฒนา อ.ขุขันธ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งหนีคดีมาบวชเป็นพระ และ นายสุนทร หรือ ฮุย แต้มงาม อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 33 ม.8 ต.นิคมพัฒนา อ.ขุขันธ์ จ.ศรีสะเกษ

ทั้งนี้ คดีดังกล่าวเนื่องจากเมื่อวันที่ 18 ก.ย.2549 เวลาประมาณ 20.00-21.00 น.ที่บ้านเลขที่ 54 ม.8 ต.นิคมพัฒนา อ.ขุขันธ์ จ.ศรีสะเกษ นางรจนา ลิ้นทอง อายุ 45 ปี ซึ่งเป็นแม่ของ ด.ญ.ณัฐพร แช่มโตนด อายุ 14 ปี และ ด.ญ.พิชชาพร แช่มโตนด อายุ 13 ปี ได้ออกไปจากบ้านไปทำธุระที่บ้านของเพื่อนที่สนิทกัน ปล่อยให้เด็กทั้ง 2 คน อยู่บ้านตามลำพัง และเวลาประมาณ 21.00 น.ได้กลับมาบ้านพบว่าเด็กหญิงทั้ง 2 คน ได้หายไป พบเพียงรอยเลือดภายในบริเวณบ้าน บริเวณข้างบ้าน และหลังบ้าน จึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ

จากการตรวจสอบพบว่า ร่างของเด็กหญิงทั้ง 2 คน ถูกซุกซ่อนอยู่ในบ่อน้ำข้างบ้านทางด้านทิศเหนือ โดยมีร่องรอยถูกทุบตีทำร้าย ท่อนล่างเปลือย มีร่องรอยถูกข่มขืน โดยไม่ทราบว่าคนร้ายเป็นใคร

พ.ต.ท.พงษ์พันธ์ กล่าวว่า คดีนี้ ผบก.ภ.จ.จว.ศรีสะเกษ ได้เร่งรัดให้มีการติดตามจับกุมคนร้ายให้ได้โดยด่วน และได้แต่งตั้งชุดสอบสวนคดีนี้ขึ้นมา โดยนำตัวผู้ต้องสงสัยจำนวนประมาณ 50 คน มาทำการสอบสวน พร้อมทั้งนำเนื้อเยื่อ เส้นผม ขน ไปทำการตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอ เพื่อเปรียบเทียบกับเส้นผม ขน ที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุ ที่นิติเวช สำนักงานแพทย์ใหญ่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งผลจากการตรวจดีเอ็นเอ พบว่า ตรงกันกับดีเอ็นเอของผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย

ดังนั้น จึงได้นำเอาพยานหลักฐานไปขอหมายจับจากศาลจังหวัดศรีสะเกษ เพื่อทำการจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 2 รายทันที

ส่วนผู้ต้องหาอีก 1 คน คือ พลทหาร สุนทร หรือ ฮุย แต้มงาม นั้น ขณะนี้ไปเป็นทหารเกณฑ์อยู่ที่ กองบริการศูนย์การทหารม้า สังกัดจังหวัดทหารบกสระบุรี ซึ่งได้ประสานงานกับ ตร.สภ.เมืองสระบุรี โดยส่งหมายจับไปให้เพื่อให้ไปทำการจับกุมตัว พลฯสุนทร มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไปแล้ว

ทางด้าน นายประสิทธิชัย หรือ อู๊ด นนทะพันธ์ ผู้ต้องหารายนี้ กล่าว่า ขณะเกิดเหตุตนได้ไปนั่งดื่มเหล้าอยู่กับเพื่อนที่ร้านสมบัติเจริญ ซึ่งอยู่ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 2 กม.และจากนั้นได้ย้ายไปนั่งดื่มเหล้าต่อที่บ้านของนายกบ ซึ่งเป็นเพื่อนกัน และอยู่ไม่ห่างจากจุดเดิมมากนัก โดยตนได้นอนหลับอยู่ที่บ้านของนายกบตลอดทั้งคืน จากนั้นพอรุ่งช้าได้ทราบข่าวว่ามีการฆ่ากันตายจากนายใหญ่ ไม่ทราบสกุล ซึ่งเป็นสมาชิก อบต.นิคมพัฒนา และแจ้งให้ตนไปอยู่เป็นเพื่อนกับนางเซียง ซึ่งเป็นญาติผู้ใหญ่ของตนและมีบ้านอยู่ติดกับที่เกิดเหตุ

จึงขอปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นคนร้ายฆ่าข่มขืนเด็กทั้ง 2 คนแต่อย่างใด และขอต่อสู้คดีเพื่อความเป็นธรรมและเพื่อเป็นการแสดงความบริสุทธิ์ของตนอย่างเต็มที่ต่อไป

ต่อมาเวลา 11.00 น.วันเดียวกันนี้ ที่ สภ.ปรือใหญ่ อ.ขุขันธ์ จ.ศรีสะเกษ นายระพี ผ่องบุพกิจ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ พร้อมด้วย พล.ต.ต.สมพงษ์ ทองวีระประเสริฐ ผบก.ภ.จว.ศรีสะเกษ ได้ร่วมกันแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน

นายระพี ผ่องบุพกิจ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่า คดีนี้แม้ว่าจะใช้เวลานานมากกว่า 3 ปี แต่ทางตำรวจศรีสะเกษก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยได้ติดตามคดีมาโดยตลอด ซึ่งตนทราบว่าสาเหตุที่ล่าช้านั้น เนื่องจากมีข้าราชการคนหนึ่งในเขต อ.ขุขันธ์ ได้พยายามทำลายหลักฐานของกลางที่เก็บเอามาจากศพของเด็กหญิงทั้ง 2 คน เพื่อที่จะนำเอาไปตรวจพิสูจน์ แต่หลักฐานกลับมาถูกทำลายจึงต้องมาทำการเก็บหลักฐานใหม่

จึงขอฝากไปข้าราชการคนดังกล่าว ว่า ขอให้รีบมาพบกับตน เพื่อที่จะได้ทำให้โทษหนักกลายเป็นเบา ซึ่งตนต้องขอชมเชย ร.ต.ท.ไพรวัลย์ อายุวงษ์ หน.นปพ.ศรีสะเกษ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ ตำรวจชุดจับกุมและตำรวจทุกนายที่เกี่ยวข้องที่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยม จนสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ในครั้งนี้

“นับว่าเป็นคดีแรกๆ ของ จ.ศรีสะเกษ ที่มีการนำเอาผลทางนิติวิทยาศาสตร์มาใช้เป็นพยานหลักฐานในการจับกุมตัวผู้ต้องหาคดีสะเทือนขวัญนี้ได้ ซึ่งมีความเชื่อถือมากกว่า พยานบุคคล” นายระพี กล่าว

ทางด้าน นางรจนา ลิ้นทอง อายุ 45 ปี แม่ของ ด.ญ.ณัฐพร แช่มโตนด อายุ 14 ปี และ ด.ญ.พิชชาพร แช่มโตนด อายุ 13 ป กล่าวว่า รู้สึกดีใจที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวคนร้ายที่ฆ่าลูกสาวทั้ง 2 คนของตนได้ เพื่อจะให้คนร้ายมารับโทษตามกฎหมายของบ้านเมืองต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า จากการจับกุมผู้ต้องหาคนร้ายฆ่าโหด 2 พี่น้องในครั้งนี้ซึ่งเป็นผู้ต้องหาที่มีญาติพี่น้องในพื้นที่เป็นจำนวนมาก ทางด้าน พล.ต.ต.สมพงษ์ ทองวีระประเสริฐ ผบภ.จว.ศรีสะเกษ จึงได้สั่งการให้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจคุ้มครองรักษาความปลอดภัยให้กับ นางรจนา และครอบครัวอย่างเต็มที่ เพราะเกรงว่าจะมีการข่มขู่พยาน


ล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติม ว่า เมื่อเวลา 18.15 น.วันเดียวกันนี้ (29 ก.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ไปติดตามจับกุม พลทหาร สุนทร หรือ ฮุย แต้มงาม อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 33 ม.8 ต.นิคมพัฒนา อ.ขุขันธ์ จ.ศรีสะเกษ ตามหมายจับของศาลจังหวัดศรีสะเกษดังกล่าว หลังสืบทราบว่า พลฯสุนทร ผู้ต้องหาเดินทางกลับมาเยี่ยมบ้าน ซึ่งตำรวจสามารถจับกุม พลฯสุนทร ได้ที่บริเวณรอยต่อระหว่างบ้านคะยอ กับบ้านโคกโพน ต.กันทรารมย์ อ.ขุขันธ์ จ.ศรีสะเกษ ขณะกำลังนั่งดื่มสุรากับเพื่อนในหมู่บ้าน โดย พลฯสุนทร เป็นทหารเกณฑ์อยู่ที่ กองบริการศูนย์การทหารม้า สังกัดจังหวัดทหารบกสระบุรี ได้รับอนุญาตให้กลับมาเยี่ยมบ้านและมาเยี่ยมเพื่อนที่บ้านโคกโพน เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งหมายจับให้ทราบและได้ควบคุมตัว พลฯสุนทร ไปทำการสอบสวนที่ สภ.ปรือใหญ่

จากการสอบสวนเบื้องต้น พลฯสุนทร ได้ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหาว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหาร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราเด็กหญิงอายุไม่เกิน 15 ปี 13 ปี ซึ่งไม่ใช่ภรรยาของตนโดยมีอาวุธแล้วฆ่า ก่อนควบคุมตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

แฉหน่วยงานไอ้โม่งทำลายหลักฐานช่วยผู้ต้องหา

พ.ต.ท.พงษ์พันธ์ พลวงษ์ศรี สารวัตรใหญ่ สภ.ปรือใหญ่ อ.ขุขันธ์ จ.ศรีสะเกษ กล่าวเพิ่มเติมเกี่ยวกับสาเหตุการติดตามจับกุมผู้ต้องหาคดีนี้ล่าช้าต้องใช้เวลานานกว่า 3 ปี ว่า สืบเนื่องจาก การเก็บหลักฐานจากช่องคลอดของเด็กที่เสียชีวิตนั้นมีปัญหา เพราะมีเจ้าหน้าที่ของส่วนราชการแห่งหนึ่งมีพฤติกรรมส่อไปในการทำลายหลักฐานที่เก็บออกมาจากช่องคลอด โดยเก็บตัวอย่างเชื้ออสุจิไว้ไม่ดีเท่าที่ควรและสถานที่เก็บไม่มีกุญแจล็อคไว้อย่างปลอดภัย ทำให้อาจมีการสับเปลี่ยนเชื้ออสุจิซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญอีกชิ้นหนึ่งออกไปแล้วนำเอาของเหลวชนิดอื่นมาใส่แทน

เมื่อส่งหลักฐานไปตรวจพิสูจน์ที่กองพิสูจน์หลักฐาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งต้องใช้เวลานานเพราะหลักฐานที่ส่งไปตรวจมีมากว่า 50 รายการ อีกทั้งต้องต่อคิวจากหลักฐานคดีอาญาต่าง ๆ ที่ส่งมาจากทั่วประเทศเพื่อตรวจพิสูจน์ แต่จากการตรวจพิสูจน์เชื้ออสุจิปรากฏว่าไม่พบมีดีเอ็นเอเหลืออยู่แต่อย่างใด ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่น่าที่จะเป็นไปได้เพราะการตรวจพิสูจน์ต้องพบดีเอ็นเออย่างใดอย่างหนึ่งกับหลักฐานที่ส่งไป

พ.ต.ท.พงษ์พันธ์ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตามสิ่งที่เป็นหลักฐานสำคัญก็คือเส้นผม ขน และดินที่ติดอยู่กับกางเกงของผู้ต้องสงสัยที่พบในที่เกิดเหตุยังคงเหลืออยู่ จึงได้นำเอาไปตรวจพิสูจน์ที่สำนักงานนิติวิทยาศาสตร์ โรงพยาบาลตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ปรากฏว่าผลการตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอตรงกัน

อีกทั้งในช่วงที่พนักงานสอบสวนได้นำตัวผู้ต้องสงสัยซึ่งมีบาดแผลตามใบหน้าร่างกายและบริเวณหัวเข่า และพนักงานสอบสวนได้ถ่ายรูปไว้แล้ว ไปให้แพทย์ทำการตรวจร่างกายผลการตรวจร่างกายออกมาระบุว่า ไม่มีร่องรอยบาดแผลแต่อย่างใด ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าสงสัยมาก แต่พนักงานสอบสวนก็ได้นำเอารูปภาพมาประกอบสำนวนในการดำเนินคดีด้วย จนทำให้สามารถจับตัวผู้ต้องหาได้ทั้ง 2 รายดังกล่าว
พระประสิทธิชัย ประสิทธิโก หรือ นายประสิทธิชัย นนทะพันธ์ ผู้ต้องหา

กำลังโหลดความคิดเห็น