ชัยภูมิ - สสจ.ชัยภูมิ จัดงานมหกรรมผลงานวิชาการด้านการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค ปี 2552 พร้อมคัดเลือกหน่วยงาน-บุคลากรสาธารณสุขดีเด่น เพื่อสร้างขวัญกำลังใจและเป็นเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ให้เกิดการพัฒนางานทั้งด้านวิชาการและให้บริการ ปชช.เผย ทั้งจังหวัดมีผู้ป่วยหวัดใหญ่ 2009 ต้องเฝ้าระวัง 64 ราย อาการดีขึ้นไม่มีนอน รพ.-ไม่มีผู้เสียชีวิต
วันนี้ (28 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ห้องประชุมไร่ใบเตย อ.เมือง จ.ชัยภูมิ นายชูรัตน์ คูสกุลรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดชัยภูมิ เป็นประธานเปิดงานมหกรรมผลงานวิชาการ ด้านการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค จังหวัดชัยภูมิ ประจำปี 2552
โดยกิจกรรมในงานประกอบด้วยการบรรยายพิเศษเรื่องความสำเร็จของการดำเนินโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล โดย อ.วิทยา เพชรรัตน์ สาธรณสุขอำเภอคำเขื่อนแก้ว จังหวัดยโสธร และหน่วยงานสาธารณสุขจากทุกอำเภอ นำแสดงผลงานวิชาการนิทรรศการ และนวัตกรรมสุขภาพ จากกลุ่มศูนย์สุขภาพชุมชน กลุ่มโรงพยาบาล ซึ่งได้รับคัดเลือกและรับโล่รางวัลมาแล้ว
นอกจากนี้ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดชัยภูมิ ได้ร่วมกับชมรมสาธารณสุขแห่งประเทศไทย สาขาจังหวัดชัยภูมิ คัดเลือกสถานีอนามัย สำนักงานสาธารณสุขอำเภอดีเด่น และบุคลากรสาธารณสุขดีเด่น ด้านส่งเสริมสุขภาพป้องกันโรคจังหวัดชัยภูมิ ประจำปี 2552 เพื่อสร้างขวัญกำลังใจ และเชิดชูเกียรติแก่ผู้ปฏิบัติงานในระดับอำเภอและระดับตำบล
นายชูรัตน์ คูสกุลรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดชัยภูมิ เปิดเผยว่า สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดชัยภูมิ ได้เห็นถึงความสำคัญในการพัฒนาการคุณภาพทั้งด้านบริหารจัดการภาครัฐและด้านบริการ จึงมุ่งเน้นให้หน่วยงานและสถานบริการสุขภาพในสังกัด ซึ่งเป็นหน่วยงานที่สนับสนุนทั้งด้านวิชาการและให้บริการประชาชนโดยตรง ได้สนับสนุนให้บุคลากรสาธารณสุขได้มีเวทีแสดงผลงานและแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้านวิชาการ นวัตกรรมใหม่ๆ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้เกิดการพัฒนางานด้านต่างๆ และสร้างสัมพันธภาพในหน่วยงาน
ทั้งนี้ เพราะบุคลากรสาธารณสุขทุกคนเป็นแกนหลักสำคัญในการผลักดัน และขับเคลื่อนให้เกิดการพัฒนาตนเอง พัฒนาทีมงาน พัฒนางานอย่างมีประสิทธิภาพต่อเนื่อง และมีความสุขในการทำงาน เพื่อตอบสนองความต้องการและความพึงพอใจของประชาชน เมื่อมารับบริการหน่วยงานและสถานบริการสุขภาพในสังกัด
นายชูรัตน์ กล่าวต่อว่า ส่วนสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ชนิด A (H1N1) ในจังหวัดชัยภูมิ มีผู้ป่วยต้องเฝ้าระวัง 64 ราย และมีอาการดีขึ้น สามารถกลับบ้านได้ทั้งหมดแล้ว ซึ่งถือว่าขณะนี้สถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติแล้ว เพราะไม่มีผู้ป่วยติดเชื้อนอนรักษาในโรงพยาบาล แม้แต่รายเดียว
ส่วนมากพบผู้ป่วยในกลุ่มนักเรียน นักศึกษา อาจารย์ และเจ้าหน้าที่ เพราะสถานศึกษาเป็นสถานที่มีความเสี่ยงสูงซึ่งได้เร่งดำเนินการควบคุมโรคและป้องกันอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด โดยอาศัยการร่วมมือกันของทุกภาคส่วนถึงจะสามารถสกัดกั้นการแพร่เชื้อลงได้
“พร้อมกันนี้ ได้ขอความร่วมมือจากสื่อมวลชนในพื้นที่ในการนำเสนอข่าวให้เหมาะสม เพื่อลดความตื่นตระหนกจนเกินเหตุ” นายชูรัตน์ กล่าว
