xs
xsm
sm
md
lg

ผู้ว่าฯเชียงรายนำทีมสื่อ-ส่วนราชการชม“สุวรรโคมคำ”นครเก่าพันปี-หวังดันเป็นมรดกโลก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เชียงราย – “ผู้ว่าฯพาเที่ยว” นำทีมส่วนราชการ-สื่อ ชม “สุวรรณโคมคำ” อาณาจักรเก่าแก่อายุกว่า 1,000 ปี ที่ถูกแม่น้ำโขงแยกดินแดนอยู่ทั้งในฝั่งไทย และลาว พร้อมเซลไอเดียดันเป็นมรดกโลกในอนาคตร่วมกับ สปป.ลาว

รายงานข่าวจาก จ.เชียงราย ว่าในการจัดโครงการผู้ว่าฯพาเที่ยวเชียงรายภายใน 1 วัน ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำเดือนละอย่างน้อย 1-2 ครั้ง โดยนายสุเมธ แสงนิ่มนวล ผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย นั้น ล่าสุดโครงการนำโดยนายสุเมธ ได้พาคณะหัวหน้าส่วนราชการ ภาคเอกชนและสื่อมวลชน เดินทางไปเยี่ยมชมพื้นที่ชายแดนไทย-สปป.ลาว ซึ่งมีแม่น้ำโขงกั้นกลางที่ ต.บ้านแซว อ.เชียงแสน โดยในครั้งนี้นอกจากคณะจะได้ไปเยี่ยมชมวิถีชีวิต ขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรมของชาวบ้านในพื้นที่แล้ว ยังมีโอกาสไปเยี่ยมชมพระธาตุแสนเมือง ที่ตั้งอยู่บนดอยพระยาฝาง จุดที่สามารถชมทิวทัศน์ของแม่น้ำโขงได้อย่างสวยงาม

สถานที่ดังกล่าวพบว่า มีซากของอิฐโบราณปรักหักพังทั่วบริเวณ รวมทั้งเป็นสถานที่ ที่พบโลหะสำริดของอาณาจักรโบราณบริเวณพระธาตุแสนเมืองหลายรายการ เช่น พระขันธ์ หอก ฯลฯ ปัจจุบันพระอาจารย์ขิณวัชร์ วชิโร เจ้าสำนักกรรมฐานพระธาตุแสนเมือง ได้เริ่มเก็บรวบรวมและค้นคว้าประวัติศาสตร์ที่มาอย่างต่อเนื่อง

โดยมีความเป็นมาเชื่อมโยงกับอาณาจักรโบราณหลายอาณาจักร เช่น โยนกนาคพันธุ์ หิรัญนครเงินยาง ฯลฯ ซึ่งมีความเป็นมากว่า 800-1,000 ปี จึงถือเป็นอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ของเชียงแสนแห่งหนึ่ง

นอกจากนี้ยังมีความเชื่อมโยงกับอาณาจักรที่เก่าแก่มากกว่านั้นคือเกินกว่า 1,000 ปีคืออาณาจักรสุวรรณโคมคำ ซึ่งเป็นดินแดนที่มีอยู่ก่อนจะเกิดอาณาจักรโยนกนาคพันธุ์ในยุคแรกๆ ด้วย

นายสมควร สุตะวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) บ้านแซว กล่าวว่า อาณาจักรสุวรรณโคมคำ เป็นดินแดนเก่าแก่ ที่มีมาก่อนการมีรัฐชาติระหว่างไทย-สปป.ลาว โดยปัจจุบันยังพบโบราณสถานต่างๆ มากมายแต่ส่วนใหญ่จะอยู่ในฝั่งแขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว ส่วนโบราณสถานและโบราณวัตถุที่พบเห็นอยู่ในฝั่งไทยบริเวณพระธาตุแสนเมือง

รวมทั้งที่วัดสวนดอก ต.บ้านแซว ซึ่งจะมีพระวิหารใหญ่ และมีพระประธาน เป็นสิ่งยืนยัน แต่ปัจจุบันพังทลายไปเหลือแต่ฐาน ชาวบ้านจึงจัดสร้างองค์ใหญ่ขึ้นมาใหม่มีหน้าตักกว้างประมาณ 6 เมตร สูงประมาณ 9 เมตร ถือเป็นพระประธานคู่แฝดกับ "องค์โมง" ซึ่งยังเหลือเค้าโครงเป็นองค์พระประธานอยู่ในป่าร้างในฝั่ง สปป.ลาว

“ขนาดขององค์ใหญ่และองค์โมง ซึ่งเป็นพระประธานคู่แฝดกันมานับพันปีตั้งแต่อาณาจักรสุวรรณโคมคำแล้ว และมีสิ่งมหัศจรรย์คือ เมื่อวัดหน้าตักขององค์โมงได้เท่าไหร่แล้วนำไปวัดกับองค์ใหญ่จะพบว่าน้อยกว่าองค์ใหญ่ราว 2 นิ้ว แต่หากวัดขนาดองค์ใหญ่ก่อนแล้วกลับมาวัดองค์โมง หน้าตักองค์โมง ก็จะยาวกว่าราวๆ 2 นิ้วเช่นกัน”

นายสมควร กล่าวอีกว่า ปัจจุบันมีวัดต่างๆ ทั้งฝั่งไทยและ สปป.ลาว ที่เกี่ยวข้องกับอาณาจักรสุวรรณโคมคำประมาณ 38 วัด มีซากกำแพงและอื่นๆ รอให้ศึกษาค้นคว้า ซึ่งเดิมพื้นที่ส่วนใหญ่จะอยู่ในฝั่งไทยเกือบทั้งหมด แต่เมื่อแม่น้ำโขงเปลี่ยนทิศทางแทรกเข้ามาในดินแดนไทย ทำให้กำแพงเมืองเก่าและสิ่งปลูกสร้างของอาณาจักรจำนวนมาก พังทลายอยู่กลางแม่น้ำโขง และทำให้ดินแดนแห่งนี้ถูกแบ่งแยกระหว่างประเทศจนถึงปัจจุบัน แต่ประชาชนทั้งสองฝั่งก็ไปมาหาสู่กันตามประสาญาติมิตร เพียงแต่ยังไม่มีการพัฒนาอย่างจริงจังเท่านั้น

ด้านนายสุเมธ แสงนิ่มนวล ผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย กล่าวว่า ปัจจุบันอาณาจักรสุวรรณโคมคำ มีความเป็นมานับ 1,000 ปียังมีโบราณสถานและโบราณวัตถุรวมทั้งความเป็นมาเชื่อมโยงกันทั้ง 2 ฝั่งประเทศเพราะในอดีตเป็นผืนแผ่นดินเดียวกัน ซึ่งทั้งไทยและ สปป.ลาว จึงมุ่งจะพัฒนาให้เป็นเมืองมรดกโลกร่วมกันดังนั้นโครงการผู้ว่าพาเที่ยวในครั้งนี้รวมทั้งอีกหลายๆ ครั้งในอนาคต จึงถือเป็นการสำรวจแหล่งท่องเที่ยวด้วย

“ในการลงพื้นที่เชียงราย ของรองสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในเร็วๆ นี้ ทางจังหวัดจะได้นำเสนอเรื่องดังกล่าวเพื่อผลักดันอีกทางหนึ่งด้วย”

ขณะที่นายสุเทพ เตียวตระกูล นายอำเภอเชียงแสน กล่าวว่า การจะพัฒนาให้อาณาจักรสุวรรณโคมคำเป็นเมืองมรดกโลกคงจะต้องใช้เวลากันอีกนาน เพราะสภาพปัจจุบันถือว่าถูกปล่อยทิ้งร้างจนมีสภาพทรุดโทรมมานานนับ 1,000 ปีแล้ว โดยในฝั่งไทยเหลือโบราณสถานที่ยืนยันน้อยมาก ส่วนในฝั่ง สปป.ลาว จะเป็นทุ่งกว้างนับ 1,000 ไร่ แต่เส้นทางคมนาคมไม่สะดวก และโบราณสถานต่างๆ ซึ่งมีอยู่อย่างมากมายมีหญ้าขึ้นรกเต็มแม้แต่องค์โมง ซึ่งเป็นพระประธานองค์ใหญ่ ก็ทรุดโทรมอย่างหนัก อย่างไรก็ตามล่าสุดรับทราบมาว่าทาง สปป.ลาว เริ่มเข้าไปพัฒนาบ้างแล้ว แต่ตนคิดว่าน่าจะใช้เวลาอีกนานจึงจะเข้าหลักเกณฑ์ในการเสนอต่อยูเนสโกให้เป็นมรดกโลก




กำลังโหลดความคิดเห็น