xs
xsm
sm
md
lg

ชาวสวนลำไยเหนือขีดเส้นรัฐบาลแก้ปัญหาใน 3 วัน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เชียงราย – เกษตรกรชาวสวนลำไย ขีดเส้นรัฐบาล “มาร์ค” แก้ปัญหาลำไยตกต่ำใน 3 วัน ยืนยันต้องได้ราคาเอเอ กิโลกรัมละ 12 บาท เกรดบี 8 บาท และเกรดซี 4 บาท หากไม่ได้พร้อมกดดันต่อเนื่อง

รายงานข่าวจาก จ.เชียงราย แจ้งว่า ในช่วง 1-2 วันมานี้กลุ่มชาวสวนลำไยในพื้นที่ต่างๆ ของภาคเหนือต่างออกมาแสดงพลังเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยพยุงราคาผลผลิตลำไยที่ตกต่ำอย่างต่อเนื่อง โดยใน จ.เชียงราย มีการเคลื่อนไหวใน 2 จุดใหญ่ๆ คือพื้นที่ อ.ขุนตาล ถึงขั้นปิดถนนบริเวณสามแยกบ้านต้า ต.บ้านต้า อ.ขุนตาล แต่ทางอำเภอเจรจาให้เปิดถนน โดยอ้างว่าได้ยื่นหนังสือไปถึงรัฐบาลให้ได้รับทราบแล้ว ทำให้ชาวบ้านยอมเปิดการจราจรในช่วงหัวค่ำของวันที่ผ่านมา (20 ก.ค.)

ขณะที่เกษตรกรหลายกลุ่มใน จ.เชียงราย ต่างได้รับข้อมูลตรงกันว่าในปัจจุบันได้มีตัวแทนเกษตรกรลำไยของภาคเหนือ ไปยื่นหนังสือถึงรัฐบาลให้ช่วยพยุงราคาผลผลิตแล้วและให้เวลารัฐบาลเป็นเวลา 3 วัน ในการพิจารณาช่วยเหลือทำให้แต่ละกลุ่มต่างรอคอยคำตอบจากรัฐบาล โดยกลุ่มชาวสวนลำไยที่ อ.ขุนตาล ยอมสลายตัวชั่วคราว

เช่นเดียวกับกลุ่มชาวสวนที่ อ.ป่าแดด ซึ่งมีการรวมตัวกันที่ที่ว่าการ อ.ป่าแดด และเตรียมจะออกมาเคลื่อนไหวกดดันรัฐบาลครั้งใหญ่ แต่เมื่อได้รับทราบข้อมูลในทำนองเดียวกันประกอบกับทางอำเภอเสนอให้ทางภาคเอกชนที่มีโรงงานอบแห้งลำไย รับซื้อผลผลิตจากเกษตรกรไปก่อนในราคาต้นทุนคือเกรดเอเอกิโลกรัมละ 9 บาท เกรดบี 7 บาทและเกรดซี 2 บาท จนกว่าจะได้รับมาตรการช่วยเหลือจากรัฐบาล ตามที่กลุ่มเกษตรกรต้องการคือเกรดเอเอกิโลกรัมละ 12 บาท เกรดบี 8 บาท และเกรดซี 4 บาท ทำให้กลุ่มชาวสวนพอใจและแยกย้ายกันกลับไปรอฟังข่าว

ด้าน นายประสิทธิ์ รักแม่ ประธานสหกรณ์ลำไย อ.ขุนตาล กล่าวว่า พวกเรายืนยันว่าอยากจะได้ราคาเกรดเอเอกิโลกรัมละ 12 บาท เกรดบี 8 บาทและเกรดซี 4 บาท ถ้าภายใน 3 วันไม่ได้ตามนี้ก็คงจะมีมาตรการกดดันกันครั้งใหญ่โดยจะรวมตัวสหกรณ์ลำไยทั่วทั้ง 8 จังหวัดภาคเหนือในการดำเนินการกดดัน เพราะเราจะเห็นว่ารัฐบาลเคยมีโครงการใหญ่ๆ แล้วมากมายมีทั้งที่ผ่านความเห็นชอบให้ดำเนินการและไม่ผ่านความเห็นชอบ แต่จะเห็นได้ชัดว่ามีการใช้งบประมาณจำนวนมหาศาล แต่กับชาวสวนเกษตรกรที่เป็นระดับรากหญ้าจริงๆ หากจะช่วยก็คงจะใช้งบประมาณไม่กี่ล้านบาทนั้น คงเป็นไปไม่ได้ที่รัฐบาลจะไม่ดำเนินการให้เพราะนอกจากจะช่วยชาวสวนยังกระตุ้นเศรษฐกิจระดับฐานรากของประเทศอีกด้วย

นายประสิทธิ์กล่าวอีกว่า รัฐบาลไม่จำเป็นต้องช่วยรับซื้อหมดแต่พวกเราหมายถึงการช่วยเรื่องค่าขนส่งกิโลกรัมละ 2 บาท แต่สิ่งสำคัญคือต้องหาตลาดรองรับให้ด้วยไม่ใช่ให้เฉพาะค่าขนส่งอย่างเดียวแต่ไม่มีตลาดให้แล้วคนขนส่งจะนำไปส่งที่ไหน ดังนั้นสิ่งที่รัฐบาลควรดำเนินการคือการหาตลาดนอกพื้นที่จังหวัดภาคเหนือที่ปลูกลำไย เช่นเดียวกับที่ดำเนินการกับลองกอง ทุเรียน ฯลฯ หรือดำเนินการกับผลผลิตลำไยและลิ้นจี่เมื่อ 1-2 ปีก่อน ก็จะทำให้ราคากระเตื้องขึ้นเองตามธรรมชาติแต่หากไม่หาตลาดแม้จะมีมาตรการชดเชยดีเพียงใดก็คงจะเกิดผลดีใดๆ

“อย่าง อ.ขุนตาล มีผลผลิตเพียงแค่ประมาณ 920 ตัน หากชดเชยให้ตามมาตรการดังกล่าวก็ใช้งบประมาณ 2-3 ล้านบาท และทั้งจังหวัดก็มีผลผลิตอยู่เพียงไม่กี่อำเภอเท่านั้น กระนั้นก็เห็นใจรัฐบาลที่ต้องใช้งบประมาณหลายด้าน แม้แต่ลำไยก็คงจะมีหลายจังหวัดและเมื่อรวมๆ กันก็มีเป็นจำนวนมากเช่นกัน แต่ควรจะเปรียบเทียบสัดส่วนกับการมุ่งดำเนินโครงการใหญ่ๆ ตามที่เป็นข่าว กับโครงการกระตุ้นภาคเกษตรซึ่งเป็นฐานรากของประเทศด้วย” นายประสิทธิ์ กล่าว และยืนยันว่าจะรอคอยคำตอบจากรัฐบาลอีก 3 วัน หากไม่เป็นผลจะประสานกับสหกรณ์ลำไย 8 จังหวัดภาคเหนือ ออกมาเคลื่อนไหวกดดันรัฐบาลต่อไป แต่ก็ยอมรับว่าปัญหาที่เกิดขึ้นเกิดจากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี อาจจะยังไม่ทราบข้อมูลแต่เมื่อมีการเสนอข้อปัญหาไปตามขั้นตอนและนายกรัฐมนตรีได้รับทราบเรื่องแล้วคงจะไม่มีปัญหาใดๆ

กำลังโหลดความคิดเห็น