ตาก - มอบปุ๋ยอินทรีย์ลดแคดเมียมให้เกษตรกร 3 ตำบลลุ่มน้ำแม่ตาว ช่วยแก้ปัญหาผลผลิตข้าวปนเปื้อน หลังมีเกษตรกรบางส่วนยืนยันปลูกข้าวในที่นาเดิมที่เคยมีปัญหาแคดเมียม
วันนี้ (15 ก.ค.) นายคมสัน เอกชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก ได้มอบหมายให้นายเชิดศักดิ์ ชูศรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดฯ และนายกิตติศักดิ์ โตมรศักดิ์ นายอำเภอแม่สอด จ.ตาก เป็นประธานเปิดอบรมการปลูกข้าวปลอดภัยจากแคดเมียม และมอบปุ๋ยอินทรีย์ให้แก่เกษตรกร ในพื้นที่ 3 ตำบล ประกอบด้วย ต.แม่ตาว ต.แม่กุ และ ต.พระธาตุผาแดง ซึ่งเป็นพื้นที่ประสบปัญหาแคดเมียมปนเปื้อนในนาข้าว
การมอบปุ๋ยอินทรีย์นี้ อยู่ในโครงการ “ส่งเสริมปัจจัยการผลิตปุ๋ยอินทรีย์ชีวภาพ ให้แก่เกษตรที่ข้าวมีแคดเมียมเกินค่ามาตรฐานความปลอดภัย” ที่ห้องประชุมโรงเรียนบ้านแม่ตาวกลางมิตรภาพ ที่ 26 ต.แม่ตาว อ.แม่สอด จ.ตาก มีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการประมาณ 300 คน
รองผู้ว่าราชการจังหวัดตาก กล่าวว่า ในการควบคุมดูแลพื้นที่การเกษตรเขตปนเปื้อนแคดเมียมมาประมาณ 5 ปีเศษ พบว่าเกษตรกรได้ปรับเปลี่ยนการใช้ประโยชน์ที่ดินมาเป็นการปลูกพืชพลังงานทดแทน แทนการปลูกข้าวกว่า 50% ของจำนวนที่มีอยู่ โดยในปีที่ผ่านมามีพื้นที่ปลูกข้าว 5,500 ไร่ ซึ่งภาครัฐได้เก็บตัวอย่างข้าวไปตรวจสอบรวม 400 ตัวอย่าง พบว่าร้อยละ 70% มีความปลอดภัยต่อการบริโภค ทำให้เกษตรกรส่วนหนึ่งยังคงปลูกข้าวต่อไป
สำหรับพื้นที่ปลูกข้าวที่ตรวจพบว่ามีแคดเมียมเกินค่ามาตรฐานการบริโภคนั้น คิดเป็นพื้นที่เพียง 1,580 ไร่เท่านั้น ซึ่งภาครัฐได้ดูแลการปลูกข้าวของเกษตรกรกลุ่มนี้ที่มีอยู่ 155 ราย โดยส่งเสริมให้ใช้ปุ๋ยอินทรีย์เพื่อลดการดูดซึมแคดเมียมในข้าวหลังจากพบว่าเกษตรกรบางรายที่ได้ปรับเปลี่ยนมาใช้ปุ๋ยอินทรีย์ก่อนหน้านี้ ทำให้ข้าวที่ส่งตรวจในปีที่ผ่านมามีค่าแคดเมียมลดลงอย่างมากและอยู่ในเกณฑ์ที่ปลอดภัยต่อการบริโภค
ทั้งนี้ จังหวัดตากจะได้ติดตามตรวจสอบข้าวของเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการนี้อีกครั้งในช่วงเก็บเกี่ยวปลายปี เพื่อเป็นการรองรับผลผลิตที่ปลอดภัยให้กับเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการให้สามารถบริโภคหรือจำหน่ายต่อไป
รองผู้ว่าราชการจังหวัดตาก กล่าวอีกว่า ปัจจุบันนี้นอกจากจะมีการจัดอบรมการปลูกข้าวที่ปลอดภัยและมอบปุ๋ยอินทรีย์ให้กับเกษตรกรแล้ว ยังมีการมอบเงินช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกอ้อยในพื้นที่ 3 ตำบลลุ่มน้ำแม่ตาว (ต.แม่ตาว ต.แม่กุ และ ต.พระธาตุผาแดง) ซึ่งเป็นพื้นที่นำร่องจำนวน 251 ราย เพื่อส่งเสริมและดูแลเกษตรกรท่ปรับเปลี่ยนมาปลูกอ้อย โดยได้รับการสนับสนุนจากบริษัท ผาแดงอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) เป็นเงินกว่า 13 ล้านบาท มีตัวแทนเกษตรกรผู้ปลูกอ้อยมารับมอบ
