ศูนย์ข่าวศรีราชา - ศุลกากรอรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว จับข้าวเปลือกลักลอบนำเข้าจากกัมพูชา มาสวมสิทธิ์
นายถาวร ไทยจงรักษ์ นายด่านศุลกากรอรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว สืบทราบและรับรายงานจากว่าจะมีขบวนการลักลอบนำข้าวเปลือกเข้ามาจากฝั่งประเทศกัมพูชา ตามริมแนวชายแดนด้านพื้นที่อำเภอตาพระยา และพื้นที่อำเภอโคกสูง จึงสั่งการระดมเจ้าหน้าที่เฝ้าตรวจระวังการลักลอบนำพื้นไร่การเกษตรโดยเฉพาะ ข้าวเปลือกและมันเส้นสำปะหลังที่อาจนำเข้ามาใช้โคต้าสวมสิทธิ์การรับจำนำครั้งที่ 2 จำนวน 2 พันตัน ทั้งๆ ที่จังหวัดสระแก้ว ได้ขอคืนและส่งเรื่องให้กับกรมการค้าภายในทราบ แล้ว เพราะข้าวเปลือกจังหวัดสระแก้วไม่มี และไม่สามารถรับจำนำได้เป็นครั้งที่ 2
ดังนั้น ด่านศุลกากรอรัญประเทศจึงเพิ่มมาตรการตรวจเข้ม จนพบรถยนต์บรรทุก 10 ล้อพร้อมพ่วงยี่ห้อฮีโน่ หมายเลขทะเบียน 80-8882 สระแก้ว หมายเลขทะเบียนพ่วง 80-7335 สระแก้ว พร้อมข้าวเปลือกนำเข้ามาจากฝั่งประเทศกัมพูชา วิ่งออกมาจากเส้นทางลัดถนนสายบ้านโคคลาน อำเภอตาพระยา ออกทางบ้านต้นโพธิ์ อำเภอนาดี จังหวัดปราจีนบุรี โดย มี นายวิรัตนชัย จันทร์ส่งสิงห์ เป็นผู้ขับรถยนต์บรรทุกข้าวเปลือกดังกล่าว จำนวน 24,000 กิโลกรัม คิดมูลค่าเป็นเงิน 138,000 บาท
คันที่ 2 เจ้าหน้าที่เข้าสกัดจับรถยนต์บรรทุกอีซูชุ หมายเลขทะเบียน 70-0288 สระแก้ว และตัวพ่วงหมายเลขทะเบียน 70-0289 สระแก้ว ได้ที่ทางแยกบ้านหนองแวง ตำบลหนองแวง อำเภอโคกสูง พร้อมด้วย นายมงคล ศรีทอง เป็นผู้ขับรถบรรทุกข้าวเปลือกดังกล่าวจำนวน 30,000 กิโลกรัม คิดเป็นมูลค่าของเงินจำนวน 172,500 บาท
ส่วนคันที่ 3 เจ้าหน้าที่จับรถบรรทุกพ่วง 10 ล้อ ฮีโน่ หมายเลขทะเบียนตัวรถ 80- 3391 สระแก้ว ตัวพ่วง หมายเลข 80- 9106 สระแก้ว โดยมี นายวุฒิชัย สุธารัมย์ เป็นผู้ขับรถดังกล่าวที่บรรทุกข้าวเปลือกจำนวน 25,000 กิโลกรัม คิดเป็นเงินมูลค่า 143,750 บาท โดยร่วมข้าวเปลือกทั้ง 3 พ่วงมีน้ำหนัก 79 ตัน และเป็นร่วมโดยประเมิน 45,4250 บาท
จากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ โดยผู้ต้องหาขับรถบรรทุกอ้างว่ามารับจ้างขับรถบรรทุกข้าวเปลือกดังกล่าว เพื่อเดินทางไปส่งลานข้าวเปลือกแห่งหนึ่งในพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา ที่ได้รับค่าจ้างคนละ 1,300 บาท พร้อมรับสารภาพว่ารับจ้างขับรถมาส่งข้าวเปลือก ออกนอกพื้นที่ต่างจังหวัดมาหลายสิบครั้งแล้ว โดยไม่ทราบชื่อผู้เป็นเจ้าของข้าวเปลือก ที่ลักลอบนำเข้ามาจากฝั่งกัมพูชาว่าชื่ออะไร ทราบแต่เพียงว่าเป็นระดับมาเฟียใหญ่ทั้งเป็นเจ้าแม่และเจ้าพ่อในพื้นที่อำเภอตาพระยา และอำเภอโคกสูง
ผลการตรวจค้นข้าวเปลือกทั้งกะบะตัวรถและตัวพ่วง ล้วนเป็นข้าวเปลือกลักลอบนำเข้ามาจากฝั่งประเทศกัมพูชา โดยใช้เทลงในกระบะแต่เฉพาะข้าวเปลือกล้วนๆ โดยไม่ใช้กระสอบบรรทุกแต่อย่างใด ทั้งนี้ เพื่อจะได้บรรทุกข้าวเปลือกได้เป็นจำนวนมากขึ้น จึงควบคุมตัวมาสอบสวนและดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.ด่านศุลกากรการลักลอบพืชไร่ต่างๆ ในช่วงต้องห้ามนำเข้า และหลบหลีกภาษีอากรด่านศุลกากรอรัญประเทศต่อไป
ด้านนายถาวร ไทยจงรักษ์ นายด่านศุลกากรอรัญประเทศ กล่าวเปิดเผยว่า ได้สั่งการเจ้าหน้าที่ศุลกากรอรัญประเทศเร่งป้องกันปราบปรามการลักลอบนำพืชไร่การเกษตรจากประเทศกัมพูชา ในช่วงต้องห้ามนำเข้าไทย มี 4 ชนิด คือ ข้าวเปลือก, ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์, มันเส้นสำปะหลัง และน้ำมันปาล์มดิบ ตานโยบายกระทรวงการคลัง และอธิบดีกรมศุลกากร แต่ก็ยอมรับว่า ขณะนี้ ข้าวเปลือกตกค้างฝั่งประเทศกัมพูชาที่เตรีมการลักลอบเข้ามาในเขตไทยตลอดแนวพรหมแดน โดยเฉพาะพื้นที่อำเภอตาพระยา อำเภอโคกสูง ที่ยังตกค้างอีกหลายแสนตัน
เนื่องจากข้าวเปลือกฝั่งกัมพูชาส่วนใหญ่มาจากประเทศเวียดนาม ผสมกับข้าวเปลือกของกัมพูชา ประกอบกับข้าวเปลือกในช่วงนี้ซึ่งพยายามลักลอบเข้าไทย เพราะเป็นข้าวแช่น้ำและถูกฝน แต่ขบวนการโกงชาติพยายามนำเข้ามาปะปรนผสมกับข้าวไทย ในโควตารับจำนำ ซึ่งเป็นข้าวที่เน่าเสีย และเป็นข้าวที่งอก เนื่องจากข้าวเปลือกฝั่งกัมพูชาที่พ่อค้าคนไทยพยายามรับซื้อเข้ามาปะปนในราคา 11 กิโลกรัม 6 บาท 70 สตางค์ หากเป็นข้าวอย่างดี ราคาอยู่ที่ 7 บาท 40 สตางค์ แต่เป็นข้าวเน่าเสียและงอก ราคาจะถูกลงครึ่งต่อครึ่ง
นายถาวร ไทยจงรักษ์ นายด่านศุลกากรอรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว สืบทราบและรับรายงานจากว่าจะมีขบวนการลักลอบนำข้าวเปลือกเข้ามาจากฝั่งประเทศกัมพูชา ตามริมแนวชายแดนด้านพื้นที่อำเภอตาพระยา และพื้นที่อำเภอโคกสูง จึงสั่งการระดมเจ้าหน้าที่เฝ้าตรวจระวังการลักลอบนำพื้นไร่การเกษตรโดยเฉพาะ ข้าวเปลือกและมันเส้นสำปะหลังที่อาจนำเข้ามาใช้โคต้าสวมสิทธิ์การรับจำนำครั้งที่ 2 จำนวน 2 พันตัน ทั้งๆ ที่จังหวัดสระแก้ว ได้ขอคืนและส่งเรื่องให้กับกรมการค้าภายในทราบ แล้ว เพราะข้าวเปลือกจังหวัดสระแก้วไม่มี และไม่สามารถรับจำนำได้เป็นครั้งที่ 2
ดังนั้น ด่านศุลกากรอรัญประเทศจึงเพิ่มมาตรการตรวจเข้ม จนพบรถยนต์บรรทุก 10 ล้อพร้อมพ่วงยี่ห้อฮีโน่ หมายเลขทะเบียน 80-8882 สระแก้ว หมายเลขทะเบียนพ่วง 80-7335 สระแก้ว พร้อมข้าวเปลือกนำเข้ามาจากฝั่งประเทศกัมพูชา วิ่งออกมาจากเส้นทางลัดถนนสายบ้านโคคลาน อำเภอตาพระยา ออกทางบ้านต้นโพธิ์ อำเภอนาดี จังหวัดปราจีนบุรี โดย มี นายวิรัตนชัย จันทร์ส่งสิงห์ เป็นผู้ขับรถยนต์บรรทุกข้าวเปลือกดังกล่าว จำนวน 24,000 กิโลกรัม คิดมูลค่าเป็นเงิน 138,000 บาท
คันที่ 2 เจ้าหน้าที่เข้าสกัดจับรถยนต์บรรทุกอีซูชุ หมายเลขทะเบียน 70-0288 สระแก้ว และตัวพ่วงหมายเลขทะเบียน 70-0289 สระแก้ว ได้ที่ทางแยกบ้านหนองแวง ตำบลหนองแวง อำเภอโคกสูง พร้อมด้วย นายมงคล ศรีทอง เป็นผู้ขับรถบรรทุกข้าวเปลือกดังกล่าวจำนวน 30,000 กิโลกรัม คิดเป็นมูลค่าของเงินจำนวน 172,500 บาท
ส่วนคันที่ 3 เจ้าหน้าที่จับรถบรรทุกพ่วง 10 ล้อ ฮีโน่ หมายเลขทะเบียนตัวรถ 80- 3391 สระแก้ว ตัวพ่วง หมายเลข 80- 9106 สระแก้ว โดยมี นายวุฒิชัย สุธารัมย์ เป็นผู้ขับรถดังกล่าวที่บรรทุกข้าวเปลือกจำนวน 25,000 กิโลกรัม คิดเป็นเงินมูลค่า 143,750 บาท โดยร่วมข้าวเปลือกทั้ง 3 พ่วงมีน้ำหนัก 79 ตัน และเป็นร่วมโดยประเมิน 45,4250 บาท
จากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ โดยผู้ต้องหาขับรถบรรทุกอ้างว่ามารับจ้างขับรถบรรทุกข้าวเปลือกดังกล่าว เพื่อเดินทางไปส่งลานข้าวเปลือกแห่งหนึ่งในพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา ที่ได้รับค่าจ้างคนละ 1,300 บาท พร้อมรับสารภาพว่ารับจ้างขับรถมาส่งข้าวเปลือก ออกนอกพื้นที่ต่างจังหวัดมาหลายสิบครั้งแล้ว โดยไม่ทราบชื่อผู้เป็นเจ้าของข้าวเปลือก ที่ลักลอบนำเข้ามาจากฝั่งกัมพูชาว่าชื่ออะไร ทราบแต่เพียงว่าเป็นระดับมาเฟียใหญ่ทั้งเป็นเจ้าแม่และเจ้าพ่อในพื้นที่อำเภอตาพระยา และอำเภอโคกสูง
ผลการตรวจค้นข้าวเปลือกทั้งกะบะตัวรถและตัวพ่วง ล้วนเป็นข้าวเปลือกลักลอบนำเข้ามาจากฝั่งประเทศกัมพูชา โดยใช้เทลงในกระบะแต่เฉพาะข้าวเปลือกล้วนๆ โดยไม่ใช้กระสอบบรรทุกแต่อย่างใด ทั้งนี้ เพื่อจะได้บรรทุกข้าวเปลือกได้เป็นจำนวนมากขึ้น จึงควบคุมตัวมาสอบสวนและดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.ด่านศุลกากรการลักลอบพืชไร่ต่างๆ ในช่วงต้องห้ามนำเข้า และหลบหลีกภาษีอากรด่านศุลกากรอรัญประเทศต่อไป
ด้านนายถาวร ไทยจงรักษ์ นายด่านศุลกากรอรัญประเทศ กล่าวเปิดเผยว่า ได้สั่งการเจ้าหน้าที่ศุลกากรอรัญประเทศเร่งป้องกันปราบปรามการลักลอบนำพืชไร่การเกษตรจากประเทศกัมพูชา ในช่วงต้องห้ามนำเข้าไทย มี 4 ชนิด คือ ข้าวเปลือก, ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์, มันเส้นสำปะหลัง และน้ำมันปาล์มดิบ ตานโยบายกระทรวงการคลัง และอธิบดีกรมศุลกากร แต่ก็ยอมรับว่า ขณะนี้ ข้าวเปลือกตกค้างฝั่งประเทศกัมพูชาที่เตรีมการลักลอบเข้ามาในเขตไทยตลอดแนวพรหมแดน โดยเฉพาะพื้นที่อำเภอตาพระยา อำเภอโคกสูง ที่ยังตกค้างอีกหลายแสนตัน
เนื่องจากข้าวเปลือกฝั่งกัมพูชาส่วนใหญ่มาจากประเทศเวียดนาม ผสมกับข้าวเปลือกของกัมพูชา ประกอบกับข้าวเปลือกในช่วงนี้ซึ่งพยายามลักลอบเข้าไทย เพราะเป็นข้าวแช่น้ำและถูกฝน แต่ขบวนการโกงชาติพยายามนำเข้ามาปะปรนผสมกับข้าวไทย ในโควตารับจำนำ ซึ่งเป็นข้าวที่เน่าเสีย และเป็นข้าวที่งอก เนื่องจากข้าวเปลือกฝั่งกัมพูชาที่พ่อค้าคนไทยพยายามรับซื้อเข้ามาปะปนในราคา 11 กิโลกรัม 6 บาท 70 สตางค์ หากเป็นข้าวอย่างดี ราคาอยู่ที่ 7 บาท 40 สตางค์ แต่เป็นข้าวเน่าเสียและงอก ราคาจะถูกลงครึ่งต่อครึ่ง