ตร.ล่าข้ามปีมือยิง นศ.เทคนิคดับ

ศูนย์ข่าวศรีราชา - ตำรวจนาจอมเทียน กัดไม่ปล่อย ล่ามือปืนโหดข้ามปี หลังก่อเหตุสะเทือนขวัญยิงหนุ่มเทคนิคสัตหีบ ระดับ ปวช.3 ดับกลางถนนหลวง ต่อหน้าสาธารณชน ทำเอานักนักเรียนในพื้นที่อกสั่นขวัญเสียไปตามๆ กัน ตามรวบขณะหนีกบดานในเขตเมืองพัทยา

วันนี้ (22 มิ.ย.) พ.ต.ท.กฤษฎิ์ ศิริประเสริฐโชค สวญ.สภ.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี พ.ต.ต.ปรีชา เรืองศรี สว.สส.ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน พร้อมหมายศาลจังหวัดพัทยาที่ จ.551/2552 ลงวันที่ 8 มิ.ย.2552 เข้าทำการจับกุมตัว นายสมชาย ด้วงสุข หรือ อ๊อฟ อายุ 23 ปี อาชีพรับจ้างทั่วไป ภายในบ้านเลขที่ 128 ม.8 ต.ห้วงใหญ่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ในข้อหาฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบรองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพกพาอาวุธติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุจำเป็น รวม 3 ข้อหา จึงได้นำตัวผู้ต้องหาส่งให้ พ.ต.ท.เจริญ วิทิตกรกุล พนักงานสอบสวน ดำเนินคดีตามกฎหมาย

สืบเนื่องจากเมื่อเวลา 00.30 น.ของวันที่ 30 มิ.ย.2550 นายปฏิภาณ ทองดีศรีเจริญ อายุ 18 ปี นักศึกษาวิทยาลัยเทคนิคสัตหีบ ระดับ ปวช.ปี 3 แผนกช่างเชื่อมโลหะ ต.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ได้ถูกคนร้ายใช้อาวุธปืนลูกซองไทยประดิษฐ์ เบอร์ 20 ยิงเข้าที่บริเวณศีรษะทำให้ใบหน้าและแขนทั้งสอง มีบาดแผลจากกระสุนปืน รวม 23 แผล เสียชีวิตคาที่บนถนนสุขุมวิท หลัก กม.ที่ 150-151 บริเวณแยกยูเทิร์นหน้าธนาคารกรุงไทย สาขาย่อยบ้านอำเภอ ต.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี

หลังจากเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้ส่งชุดสืบสวนออกติดตามหาตัวคนร้าย และรวบรวมพยานหลักฐานจนสืบทราบแน่ชัดว่า มือปืนที่ได้ก่อเหตุยิงหนุ่มนักศึกษาเทคนิค คือ นายสมชาย หรืออ๊อฟ ซึ่งหนีไปกบดานอยู่ในเขตพื้นที่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี จึงได้นำกำลังเข้าทำการจับกุม

เบื้องต้น นายสมชาย หรือ อ๊อฟ ผู้ต้องหา ได้ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา โดยให้การว่า ในคืนวันเกิดเหตุได้ขี่รถจักรยานยนต์มากับแฟนสาว โดยมีเพื่อนอีก 2 คน ขี่รถจักรยานยนต์ประกบข้าง ขณะรถได้จอดติดไฟแดงอยู่บริเวณแยกบ้านอำเภอ ได้มีรถจักรยานยนต์ของผู้ตายขี่เข้ามาจอดด้านข้าง และได้ตะโกนแซวแฟนสาวที่นั่งซ้อนท้ายมาก่อนจะขี่รถหลบหนีไป ด้วยความไม่พอใจจึงได้ขี่จักรยานยนต์ไล่และปาดหน้าให้จอด และเกิดมีปากเสียงกันอย่างรุนแรง

พ.ต.ท.กฤษฎิ์ ศิริประเสริฐโชค สวญ.สภ.นาจอมเทียน เปิดเผยว่า ขณะนี้แม้ผู้ต้องหาจะให้การปฏิเสธ แต่ระยะเวลาตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกติดตามหาตัวคนร้ายเพื่อลงโทษตามกฎหมาย เนื่องจากเป็นคดีสะเทือนขวัญ และด้วยพยานหลักฐานที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมีอยู่ขณะนี้ คาดว่า จะเอาผิดกับผู้ต้องหาได้อย่างแน่นอน