ตาก- KNU รับเสียที่มั่นกองพล 7 แต่ไม่เสียอิสรภาพ พร้อมยืนยันไม่เข้าร่วมเลือกตั้ง 53 แน่นอน ขณะที่พม่าปักธงชัยเหนือพื้นที่กะเหรี่ยงคริสต์
แหล่งข่าวจากคณะกรรมการกลางบริหาร KNU กล่าวที่ฐานที่มั่นแห่งหนึ่งตรงข้าม อ.แม่สอด จ.ตาก โดยยอมรับว่า KNU ต้องสูญเสียพื้นที่เขตอิทธิพลกองพล 7 ตรงข้าม อ.ท่าสองยาง จ.ตาก ให้พม่า ไปแล้ว แต่ยังไม่เสียอิสรภาพ และไม่มีวันที่พม่าจะปราบปรามได้หมดสิ้นตามที่ผู้นำ SPDC ได้ประกาศไว้ โดยขณะนี้ KNU ได้กระจายกำลังรบเป็นกองจรยุทธ์ขนาดเล็ก ชุดละ 15-20 นาย ตอบโต้ทหารพม่าและกะเหรี่ยงพุทธ และได้ผลเนื่องจากสงครามกองโจรแบบจรยุทธ์ทำให้ มีฝ่ายตรงข้ามต้องสังเวยชีวิตจำนวนมาก และ KNU ยืนยันว่าจะไม่ร่วมกับพม่าในการเข้าสู่กระบวนการการเลือกตั้งในปี 2553 ตามที่ผู้นำพม่าเปิดให้ชนกลุ่มน้อยเข้าร่วมสู่การเลือกตั้ง
ทั้งนี้ เนื่องจากฝ่าย KNU ได้ศึกษารัฐธรรมนูญฉบับใหม่ของพม่าและดูรายละเอียดแล้ว ไม่เป็นประชาธิปไตย รัฐธรรมนูญร้อยละ 80 ยังเป็นระบบเผด็จการปิดกั้นโอกาสให้ชาวพม่าอย่างมาก แต่โกหกชาวโลกว่า เป็นประชาธิปไตยและพยายามชักชวนชนกลุ่มน้อยให้เข้าร่วมการเลือกตั้งทุกชนกลุ่ม เพื่อเป็นข้ออ้างว่าเปิดโอกาสให้เข้าสู่การเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยโดยแท้จริง
แต่เชื่อได้ว่าผลการเลือกตั้งที่ออกมาพรรคการเมือง ที่สนับสนุนรัฐบาลเผด็จการชุดปัจจุบันและกลุ่มนายทหาร ในสภาสันติภาพและการพัฒนาแห่งรัฐ SPDC จะได้เป็นตัวแทนเข้าสภามากที่สุดและให้อำนาจของผู้นำ SPDC ทั้ง พล.อ.อาวุโสตานฉ่วย ประธาน SPDC ผบ.สส.-พล.อ.หม่องเอ รองประธาน SPDC และ ผบ.ทบ.รวมทั้งคนอื่นๆ คงอยู่ในอำนาจต่อไป
ส่วนที่บริเวณชายแดนไทย-พม่า ตรงข้าม อ.ท่าสองยาง จ.ตาก กองกำลังทหารรัฐบาลพม่า SPDC กับฝ่ายกะเหรี่ยงพุทธ DKBA ได้ปักธงชัยชนะเหนือ เขตกองพลที่ 7 ของกองกำลังสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยงอิสระ KNU หลังจากที่ฝ่าย SPDC และ DKBA สามารถยึดพื้นที่ได้ โดยฝ่าย KNU ได้ถอนกำลังออกไปอยู่ในพื้นที่กองพัน ที่ 204 และกองพัน 202
ขณะเดียวกัน กองกำลังกะเหรี่ยง DKBA ได้เคลื่อนกำลังพลขึ้นเหนือไปทาง เขตรอยต่อ จ.แม่ฮ่องสอน เพื่อโจมตีที่มั่นกองพัน 24 แต่ระหว่างเดินทางไปเหยียบกับระเบิดของฝ่าย KNU ทำให้ DKBA เสียชีวิต 3 นาย และได้รับบาดเจ็บ 6 นาย ทำให้ทหารพม่าต้องเสริมกำลังมาช่วยและประกาศยึดกองพันรบพิเศษ 204 ของ KNU
แหล่งข่าวจากคณะกรรมการกลางบริหาร KNU กล่าวที่ฐานที่มั่นแห่งหนึ่งตรงข้าม อ.แม่สอด จ.ตาก โดยยอมรับว่า KNU ต้องสูญเสียพื้นที่เขตอิทธิพลกองพล 7 ตรงข้าม อ.ท่าสองยาง จ.ตาก ให้พม่า ไปแล้ว แต่ยังไม่เสียอิสรภาพ และไม่มีวันที่พม่าจะปราบปรามได้หมดสิ้นตามที่ผู้นำ SPDC ได้ประกาศไว้ โดยขณะนี้ KNU ได้กระจายกำลังรบเป็นกองจรยุทธ์ขนาดเล็ก ชุดละ 15-20 นาย ตอบโต้ทหารพม่าและกะเหรี่ยงพุทธ และได้ผลเนื่องจากสงครามกองโจรแบบจรยุทธ์ทำให้ มีฝ่ายตรงข้ามต้องสังเวยชีวิตจำนวนมาก และ KNU ยืนยันว่าจะไม่ร่วมกับพม่าในการเข้าสู่กระบวนการการเลือกตั้งในปี 2553 ตามที่ผู้นำพม่าเปิดให้ชนกลุ่มน้อยเข้าร่วมสู่การเลือกตั้ง
ทั้งนี้ เนื่องจากฝ่าย KNU ได้ศึกษารัฐธรรมนูญฉบับใหม่ของพม่าและดูรายละเอียดแล้ว ไม่เป็นประชาธิปไตย รัฐธรรมนูญร้อยละ 80 ยังเป็นระบบเผด็จการปิดกั้นโอกาสให้ชาวพม่าอย่างมาก แต่โกหกชาวโลกว่า เป็นประชาธิปไตยและพยายามชักชวนชนกลุ่มน้อยให้เข้าร่วมการเลือกตั้งทุกชนกลุ่ม เพื่อเป็นข้ออ้างว่าเปิดโอกาสให้เข้าสู่การเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยโดยแท้จริง
แต่เชื่อได้ว่าผลการเลือกตั้งที่ออกมาพรรคการเมือง ที่สนับสนุนรัฐบาลเผด็จการชุดปัจจุบันและกลุ่มนายทหาร ในสภาสันติภาพและการพัฒนาแห่งรัฐ SPDC จะได้เป็นตัวแทนเข้าสภามากที่สุดและให้อำนาจของผู้นำ SPDC ทั้ง พล.อ.อาวุโสตานฉ่วย ประธาน SPDC ผบ.สส.-พล.อ.หม่องเอ รองประธาน SPDC และ ผบ.ทบ.รวมทั้งคนอื่นๆ คงอยู่ในอำนาจต่อไป
ส่วนที่บริเวณชายแดนไทย-พม่า ตรงข้าม อ.ท่าสองยาง จ.ตาก กองกำลังทหารรัฐบาลพม่า SPDC กับฝ่ายกะเหรี่ยงพุทธ DKBA ได้ปักธงชัยชนะเหนือ เขตกองพลที่ 7 ของกองกำลังสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยงอิสระ KNU หลังจากที่ฝ่าย SPDC และ DKBA สามารถยึดพื้นที่ได้ โดยฝ่าย KNU ได้ถอนกำลังออกไปอยู่ในพื้นที่กองพัน ที่ 204 และกองพัน 202
ขณะเดียวกัน กองกำลังกะเหรี่ยง DKBA ได้เคลื่อนกำลังพลขึ้นเหนือไปทาง เขตรอยต่อ จ.แม่ฮ่องสอน เพื่อโจมตีที่มั่นกองพัน 24 แต่ระหว่างเดินทางไปเหยียบกับระเบิดของฝ่าย KNU ทำให้ DKBA เสียชีวิต 3 นาย และได้รับบาดเจ็บ 6 นาย ทำให้ทหารพม่าต้องเสริมกำลังมาช่วยและประกาศยึดกองพันรบพิเศษ 204 ของ KNU