บุรีรัมย์ - อัยการจังหวัดนางรอง บุรีรัมย์ส่งฟ้อง 10 ผู้ต้องหา ปล้นทรัพย์สายอลูมิเนียมเปลือย และสายเคเบิ้ลใต้ดินทองแดง ของ กฟภ.นางรอง มูลค่ากว่า 3 ล้าน เผยเห็นแย้งพนักงานสอบสวนให้ยึดรถสิบล้อติดเครนของกลางก่อเหตุ 4 คัน จากรถยนต์ที่ใช้ก่อเหตุทั้งหมด 6 คัน พร้อมคัดค้านประกันตัวผู้ต้องหา ชี้เป็นคดีอุกฉกรรจ์โทษสูงจำคุก 18-30 ปี หวั่นหลบหนี ข่มขู่พยาน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่สำนักงานอัยการจังหวัดนางรอง อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ นายบุญมี แดนวังเดิม อัยการจังหวัดนางรอง แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่า พนักงานอัยการจังหวัดนางรอง ได้เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายชัยฤทธิ์ หรือชัย หรือโก้ ศรีกอง กับพวกรวม 10 คน ต่อศาลจังหวัดนางรอง ในคดีหมายเลขดำที่ 1434/2552 ลงวันที่ 17 มิ.ย.2552 ข้อหา ปล้นทรัพย์ โดยมีหรือใช้อาวุธปืนโดยใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำผิด หรือการพาทรัพย์นั้นไป ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน และทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย
นายบุญมี แดนวังเดิม อัยการจังหวัดนางรอง กล่าวว่า เมื่อวันที่ 24 มี.ค.2552 เวลาประมาณ 02.30 น.ได้เกิดเหตุคนร้ายปล้นทรัพย์สินของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ ประกอบด้วย สายอะลูมิเนียมเปลือย ขนาด 400 ตารางมิลลิเมตร จำนวน 6 รีล/ม้วน ราคา 1,449,000 บาท และสายเคเบิลใต้ดินทองแดง ขนาด 500 ตางรางมิลลิเมตร จำนวน 1 รีล/ม้วน ราคา 1,578,000 บาท รวมทั้งสิ้น 3,027,000 บาท
คนร้ายได้มีการวางแผนใช้หญิงสาวเป็นนกต่อเข้าตีสนิท และร่วมหลับนอนกับยามรักษาความปลอดภัยของการไฟฟ้า จากนั้นใช้อาวุธปืนจี้ขู่และทำร้ายยาม ใช้เชือกมัดมือมัดเท้ายาม แล้วใช้รถยนต์บรรทุกสิบล้อ ที่เตรียมมาหลายคันขนทรัพย์สินของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอำเภอนางรองหลบหนีไป
ต่อมาเมื่อเวลาประมาณ 04.30 น. มีเด็กนักเรียนหญิงวิ่งออกกำลังกายผ่านมาตรงที่เกิดเหตุได้ยินเสียงร้องตะโกนขอความช่วยเหลือ ดังมาจากตู้ยามทางเข้าคลังเก็บพัสดุของการฟ้า จึงโทรแจ้งตำรวจมาช่วยเหลือยามและติดตามจับกุมกลุ่มคนร้ายได้ พร้อมทรัพย์สินของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอำเภอนางรอง
นายบุญมีกล่าวต่อว่า คดีนี้เป็นคดีอุกฉกรรจ์ อยู่ในความสนใจของประชาชน เพราะคนร้ายมีการวางแผนแบ่งหน้าที่กันอย่างเป็นขบวนการ คนร้ายมีทุนในการดำเนินการสูง โดยจะเห็นได้จากการนำรถยนต์มาใช้ในการกระทำความผิดถึง 6 คัน โดยรถ 4 ใน 6 คัน เป็นรถยนต์บรรทุกสิบล้อ
ดังนั้น อัยการจังหวัดนางรอง จึงตั้งคณะทำงานพิจารณาสำนวนคดี และไปตรวจดูสถานที่เกิดเหตุ เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงโดยละเอียดและแจ้งชัด จากนั้นได้มีการพิจารณาสำนวนคดีแล้วได้มีคำสั่งฟ้องผู้ต้องหาที่จับกุมตัวทั้งหมด 10 คน ได้แก่ นายชัยฤทธิ์ ศรีกอง อายุ 32 ปี, นายสมศักดิ์ แซ่ไหล อายุ 45 ปี, นายตัน ซ่อนกลิ่น อายุ 40 ปี, นางเกรียงสิทธิ์ รักษาผล อายุ 31 ปี, นางสาวน้ำตาล แขพิมพ์พันธ์ อายุ 18 ปี, นายชัยชิด ช่อพยอม อายุ 26 ปี, นายอนุวัฒน์ โพธิ์ศรี อายุ 26 ปี, นายจิตร์ จอมหงษ์ อายุ 31 ปี, นายสมใจ ผ่องแผ้ว อายุ 26 ปี และนายสมศักดิ์ เทียนจันทร์ อายุ 44 ปี
ในข้อหาฉกรรจ์ ฐานปล้นทรัพย์โดยมีและใช้อาวุธปืนและโดยใช้ยานพาหนะในการกระทำผิด ซึ่งมีโทษจำคุกระหว่าง 18-30 ปี และปรับตั้งแต่ 36,000-60,000 บาท
ที่สำคัญเกี่ยวกับรถยนต์บรรทุกสิบล้อ ที่กลุ่มคนร้ายใช้กระทำความผิด 4 คัน นั้น 3 ใน 4 คัน เป็นรถติดเครนเครื่องทุ่นแรง และได้ใช้ในการยกสายอะลูมิเนียมเปลือย และสายเคเบิลใต้ดินทองแดงของการไฟฟ้าฯ ซึ่งม้วนหนึ่งมีน้ำหนักถึง 4,986 กิโลกรัม ซึ่งโดยลำพังผู้ต้องหา 10 คน ยากที่จะยกขึ้นใส่รถได้
พนักงานอัยการเห็นว่า รถบรรทุกสิบล้อทั้ง 4 คัน เป็นยานพาหนะที่ใช้ในการกระทำความผิดโดยตรงชอบที่จะต้องขอริบรถยนต์บรรทุกสิบล้อทั้ง 4 คัน ซึ่งตรงนี้มีความเห็นแย้งกับความเห็นของพนักงานสอบสวนที่ให้คืนรถยนต์บรรทุกสิบล้อทั้ง 4 คัน แก่เจ้าของกรรมสิทธิ์ และขอคัดค้านการปล่อยตัวชั่วคราว เนื่องจากผู้ต้องหาทั้ง 10 คน ได้มีการวางแผนและเตรียมการเอาไว้ล่วงหน้า โดยทำเป็นขบวนการ ไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายและอำนาจรัฐ และเป็นการกระทำที่อุกอาจ เป็นภัยร้ายแรงของสังคม ประกอบกับคดีนี้มีอัตราโทษสูง เกรงว่าผู้ต้องหาทั้ง 10 คน จะหลบหนีและไปข่มขู่พยาน
อย่างไรก็ตาม คดีนี้อยู่ในดุลพินิจของศาลที่จะพิจารณาวินิจฉัยชี้ขาดตัดสินคดี และมีคำสั่งในเรื่องเกี่ยวกับรถยนต์บรรทุกสิบล้อของกลาง ทั้ง 4 คัน
“ทั้งนี้ ต้องขอชมเชยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.นางรอง และ พ.ต.ต.วิษณุ อาภรณ์พงษ์ สารวัตรกลุ่มงานสืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ที่ได้ประสานงานและมีไหวพริบในการติดตามคนร้าย จนสามารถจับกุมได้เกือบยกแก๊ง 10 คน พร้อมของกลาง แต่ยังหลบหนีอีก 3 อีก ซึ่งตำรวจจะได้ตามจับกุมต่อไป” นายบุญมี กล่าว
