ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ – เลขาธิการสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวเชียงใหม่ชี้โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ เป็นปัจจัยซ้ำเติมภาวะการท่องเที่ยวให้แย่กว่าเดิม เผยนักท่องเที่ยวไต้หวันหายแล้วกว่า 50% ขณะเดียวกัน ระบุปีนี้การท่องเที่ยวเชียงใหม่อยู่ในขั้นเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์
นายวรพงษ์ หมู่ชาวใต้ เลขาธิการสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวเชียงใหม่ กล่าวถึงกรณีพบผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ของจังหวัดเชียงใหม่ว่า แม้จังหวัดเชียงใหม่จะไม่พบว่ามีผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 การท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่ก็ได้รับผลกระทบจากปัจจัยด้านอื่นๆ อยู่แล้ว โดยเฉพาะจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ตกต่ำ
การแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 แม้จะไม่มีผู้ติดเชื้อในจังหวัดเชียงใหม่ก็ส่งผลกระทบเช่นกันในส่วนของนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ ที่เข้ามาลดลงเนื่องจากส่วนใหญ่มีความตื่นตระหนกต่อสถานการณ์นี้ที่เกิดขึ้นทั่วโลกอยู่แล้ว โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากญี่ปุ่น จีน และไต้หวัน
ในส่วนของไต้หวันที่มีเที่ยวบินตรงมาเชียงใหม่สัปดาห์ละ 5 เที่ยวบินนั้น จากการสอบถามผู้ประกอบการทราบว่ามีจำนวนนักท่องเที่ยวลดลงไปประมาณร้อยละ 50
ส่วนการจะเรียกความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยวกลับคืนมา เลขาธิการสมาคมธุรกิจท่องเที่ยว กล่าวว่า หลักๆ ต้องขึ้นอยู่กับมาตรการของหน่วยงานรัฐที่รับผิดชอบในเรื่องนี้ ที่จะต้องมีการดำเนินการอย่างเข้มเข้มให้นักท่องเที่ยวเกิดความมั่นใจว่า สามารถเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวได้อย่างปลอดภัย
ขณะที่สถานประกอบการโรงแรมต่างๆ ที่เป็นแหล่งชุมนุมของนักท่องเที่ยวก็จะต้องมีมาตรการในการเฝ้าระวังป้องกันอย่างเข้มงวดสม่ำเสมอเช่นกัน เนื่องจากมีกรณีศึกษาให้เห็นมาแล้วจากจังหวัดท่องเที่ยวอื่นๆ ที่พบมีผู้ติดเชื้อ ทั้งนี้เพื่อไม่ให้มีปัญหาเกิดขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบตามมามาก
นอกจากนี้ นายวรพงษ์กล่าวถึงสถานการณ์การท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่ว่า จากการประเมินเบื้องต้นคาดว่าในปี 2552 นี้จะเป็นปีที่ธุรกิจภาคการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่มีความย่ำแย่ที่สุดเป็นประวัติศาสตร์ โดยรายได้น่าจะลดลงจากปีที่ผ่านมาไม่ต่ำกว่าร้อยละ 30 และรายได้จากการท่องเที่ยวลดเหลือเพียงประมาณ 20,000 ล้านบาท หรือลดลง 18,000 ล้านบาท
ในเดือนกันยายนปีนี้คาดว่าจะเป็นช่วงที่สถานการณ์ย่ำแย่ที่สุด อย่างไรก็ตาม ยังมีความหวังและเชื่อว่าหลังจากนั้น สถานการณ์น่าจะค่อยมีแนวโน้มดีขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่กระเตื้องขึ้น