ฉะเชิงเทรา - ตำรวจทางหลวงบางปะกงหวิดถูกขยี้เละดับคาถนน หลังแอบตั้งด่านดักรอจับรถฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจร แต่ถูกหนุ่มใหญ่ฮ่อตะบึงรถบรรทุกเข้าใส่ขณะปรากฏตัวโบกเรียกให้จอดแต่ไม่ยอมหยุด โชคดีที่ฉากหลบได้ทัน ขณะโชเฟอร์ 6 ล้ออ้างไม่ทันเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ระบุแอบซุ่มอยู่ในพุ่มไม้ริมทาง ก่อนกระโดดลงมาโผล่ขวางกลางถนนหน้ารถจึงหยุดให้ไม่ทัน
วันนี้ (16 มิ.ย.) พ.ต.ท.ไพฑูรย์ พัลตานุสนธิ์ พนักงานสอบสวนจราจร สภ.เมืองฉะเชิงเทรา ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงบางปะกง ผ่านสถานีวิทยุศูนย์แปดริ้ว ว่ามีรถยนต์บรรทุกหกล้อขับพุ่งเข้าชนเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง ที่บริเวณใกล้ทางสามแยกสัญญาณไฟจราจรเทศบาล 2 ถนนสายฉะเชิงเทรา-บางปะกง ตัดกับถนนเทพคุณากร (ทางเข้าวัดโสธร) พื้นที่ ม.5 ต.โสธร อ.เมืองฉะเชิงเทรา จึงแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร เดินทางไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุ
ที่เกิดเหตุพบรถยนต์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง สีเลือดหมูคาดเหลือง หมายเลขประจำรถ 3103 ยี่ห้อฮอนด้า ทะเบียน ษฐ-2056 กทม. มีเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงสามนายยืนอยู่ในจุดที่เกิดเหตุ ถัดไปด้านหลังรถของเจ้าหน้าที่ พบรถยนต์บรรทุก 6 ล้อ มีผ้าใบคลุมด้านท้ายมิดชิด ยี่ห้อ อีซูซุ สีฟ้า ทะเบียน 70-1257 อุบลราชธานี จอดอยู่ ภายในรถพบชายหญิงวัยกลางคนนั่งอยู่ที่บริเวณเบาะด้านหน้า แต่ไม่ยอมลงออกมาจากรถ จนเวลาผ่านไปนานกว่าครึ่งชั่วโมง เมื่อเห็นผู้สื่อข่าวหลายแขนง และเจ้าหน้าที่ตำรวจราจร สภ.เมือง ฉะเชิงเทรา เดินทางมาถึงจึงยอมลงจากรถออกมา
ด.ต.ปุญญมาฆะ ติ่งแดง อายุ 39ปี ผบ.หมู่ สถานีตำรวจทางหลวงฉะเชิงเทรา (สทร.3 บางปะกง) ผู้ประสบเหตุกล่าวว่า ขณะที่ตนพร้อมพวกรวม 3 นาย กำลังปฏิบัติหน้าที่ตั้งจุดสกัดจับรถฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจร ที่บริเวณใกล้กับทางแยกสัญญาณไฟ เทศบาล 2 ซึ่งเป็นจุดที่มักมีรถไม่ปฏิบัติตามกฎจราจร ฝ่าฝืนสัญญาณไฟอยู่เป็นประจำ ได้พบรถคันดังกล่าววิ่งฝ่าฝืนสัญญาณไฟออกมาจากทางแยก จึงได้ออกมาโบกให้รถหยุด เข้าชิดขอบทางด้านซ้าย
คนขับรถคันดังกล่าวกลับไม่ยอมหยุดรถให้ และได้พยายามเร่งเครื่องยนต์วิ่งเข้ามาพุ่งใส่ตน แต่โชคดีที่ตนเห็นเหตุการณ์ก่อนว่ารถคันที่โบกเรียกจะไม่ยอมหยุดรถอย่างแน่นอนด้วยการเปิดกระพริบสัญญาณไฟสูงพุ่งเข้ามา ตนจึงได้เอี้ยวตัวฉากหลบออก แต่ก็ถูกเฉี่ยวชนที่ข้อมือด้านขวาจนได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย มีอาการเคล็ดและบวม
ขณะที่ นายทำนอง น้อยเลิศ อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 74 ม.10 ต.หนองกุง อ.โนนคูณ จ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า ตนไม่ได้ฝ่าฝืนสัญญาณไฟ แต่ตนได้ขับรถวิ่งตามกันมากับรถคันหน้าอีกหลายคันในช่องเลนด้านซ้ายสุด ซึ่งเมื่อก่อนให้เป็นช่องทางตรงตีเส้นทึบ ที่รถสามารถผ่านไปได้โดยไม่ต้องหยุดรอสัญญาณไฟจราจร ขณะขับผ่านทางแยกสัญญาณไฟออกมา นางบุญประภา น้อยเลิศ อายุ 41 ปี ภรรยาที่นั่งมาด้วย ได้เหลือบไปเห็นรถจอดขายเงาะราคาถูก (กก.ละ 10 บาท) อยู่ริมข้างทางด้านฝั่งตรงข้ามจึงได้ร้องบอกตนว่าจะซื้อเงาะไปฝากลูกให้หยุดรถก่อน แต่ไม่สามารถหยุดได้เนื่องจากมีรถขับตามหลังมาอย่างกระชั้นชิด จึงได้เร่งเครื่องยนต์เพื่อที่จะขับออกไปให้พ้นรถคันหลังเพื่อหาที่จอดใหม่ แต่ได้มีตำรวจทางหลวงพุ่งโผล่ออกมาจากพุ่มไม้ข้างทางโบกเรียกอย่างกระชั้นชิด ตนจึงไม่สามารถหยุดรถได้ทันจึงเปิดไฟขอทางดังกล่าว ซึ่งตนไม่ได้มีเจตนาจะพุ่งชนเจ้าหน้าที่ เพราะครอบครัวของตนต้องหาเช้ากินค่ำ วิ่งรถรับจ้างส่งของซึ่งเป็นเครื่องสุขภัณฑ์จากโรงงานที่หินกอง จ.สระบุรี มาส่งในเขตพื้นที่ อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา และกำลังจะกลับไปรับของเที่ยวใหม่อีกรอบก็มาเกิดเหตุเสียก่อน
ด้าน พ.ต.ท.ไพฑูรย์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการสอบสวนว่าเข้าข่ายพยามฆ่าเจ้าพนักงานขณะกำลังปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ รวมถึงต้องดำเนินคดีความผิดเกี่ยวกับการฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจรด้วย
วันนี้ (16 มิ.ย.) พ.ต.ท.ไพฑูรย์ พัลตานุสนธิ์ พนักงานสอบสวนจราจร สภ.เมืองฉะเชิงเทรา ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงบางปะกง ผ่านสถานีวิทยุศูนย์แปดริ้ว ว่ามีรถยนต์บรรทุกหกล้อขับพุ่งเข้าชนเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง ที่บริเวณใกล้ทางสามแยกสัญญาณไฟจราจรเทศบาล 2 ถนนสายฉะเชิงเทรา-บางปะกง ตัดกับถนนเทพคุณากร (ทางเข้าวัดโสธร) พื้นที่ ม.5 ต.โสธร อ.เมืองฉะเชิงเทรา จึงแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร เดินทางไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุ
ที่เกิดเหตุพบรถยนต์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง สีเลือดหมูคาดเหลือง หมายเลขประจำรถ 3103 ยี่ห้อฮอนด้า ทะเบียน ษฐ-2056 กทม. มีเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงสามนายยืนอยู่ในจุดที่เกิดเหตุ ถัดไปด้านหลังรถของเจ้าหน้าที่ พบรถยนต์บรรทุก 6 ล้อ มีผ้าใบคลุมด้านท้ายมิดชิด ยี่ห้อ อีซูซุ สีฟ้า ทะเบียน 70-1257 อุบลราชธานี จอดอยู่ ภายในรถพบชายหญิงวัยกลางคนนั่งอยู่ที่บริเวณเบาะด้านหน้า แต่ไม่ยอมลงออกมาจากรถ จนเวลาผ่านไปนานกว่าครึ่งชั่วโมง เมื่อเห็นผู้สื่อข่าวหลายแขนง และเจ้าหน้าที่ตำรวจราจร สภ.เมือง ฉะเชิงเทรา เดินทางมาถึงจึงยอมลงจากรถออกมา
ด.ต.ปุญญมาฆะ ติ่งแดง อายุ 39ปี ผบ.หมู่ สถานีตำรวจทางหลวงฉะเชิงเทรา (สทร.3 บางปะกง) ผู้ประสบเหตุกล่าวว่า ขณะที่ตนพร้อมพวกรวม 3 นาย กำลังปฏิบัติหน้าที่ตั้งจุดสกัดจับรถฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจร ที่บริเวณใกล้กับทางแยกสัญญาณไฟ เทศบาล 2 ซึ่งเป็นจุดที่มักมีรถไม่ปฏิบัติตามกฎจราจร ฝ่าฝืนสัญญาณไฟอยู่เป็นประจำ ได้พบรถคันดังกล่าววิ่งฝ่าฝืนสัญญาณไฟออกมาจากทางแยก จึงได้ออกมาโบกให้รถหยุด เข้าชิดขอบทางด้านซ้าย
คนขับรถคันดังกล่าวกลับไม่ยอมหยุดรถให้ และได้พยายามเร่งเครื่องยนต์วิ่งเข้ามาพุ่งใส่ตน แต่โชคดีที่ตนเห็นเหตุการณ์ก่อนว่ารถคันที่โบกเรียกจะไม่ยอมหยุดรถอย่างแน่นอนด้วยการเปิดกระพริบสัญญาณไฟสูงพุ่งเข้ามา ตนจึงได้เอี้ยวตัวฉากหลบออก แต่ก็ถูกเฉี่ยวชนที่ข้อมือด้านขวาจนได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย มีอาการเคล็ดและบวม
ขณะที่ นายทำนอง น้อยเลิศ อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 74 ม.10 ต.หนองกุง อ.โนนคูณ จ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า ตนไม่ได้ฝ่าฝืนสัญญาณไฟ แต่ตนได้ขับรถวิ่งตามกันมากับรถคันหน้าอีกหลายคันในช่องเลนด้านซ้ายสุด ซึ่งเมื่อก่อนให้เป็นช่องทางตรงตีเส้นทึบ ที่รถสามารถผ่านไปได้โดยไม่ต้องหยุดรอสัญญาณไฟจราจร ขณะขับผ่านทางแยกสัญญาณไฟออกมา นางบุญประภา น้อยเลิศ อายุ 41 ปี ภรรยาที่นั่งมาด้วย ได้เหลือบไปเห็นรถจอดขายเงาะราคาถูก (กก.ละ 10 บาท) อยู่ริมข้างทางด้านฝั่งตรงข้ามจึงได้ร้องบอกตนว่าจะซื้อเงาะไปฝากลูกให้หยุดรถก่อน แต่ไม่สามารถหยุดได้เนื่องจากมีรถขับตามหลังมาอย่างกระชั้นชิด จึงได้เร่งเครื่องยนต์เพื่อที่จะขับออกไปให้พ้นรถคันหลังเพื่อหาที่จอดใหม่ แต่ได้มีตำรวจทางหลวงพุ่งโผล่ออกมาจากพุ่มไม้ข้างทางโบกเรียกอย่างกระชั้นชิด ตนจึงไม่สามารถหยุดรถได้ทันจึงเปิดไฟขอทางดังกล่าว ซึ่งตนไม่ได้มีเจตนาจะพุ่งชนเจ้าหน้าที่ เพราะครอบครัวของตนต้องหาเช้ากินค่ำ วิ่งรถรับจ้างส่งของซึ่งเป็นเครื่องสุขภัณฑ์จากโรงงานที่หินกอง จ.สระบุรี มาส่งในเขตพื้นที่ อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา และกำลังจะกลับไปรับของเที่ยวใหม่อีกรอบก็มาเกิดเหตุเสียก่อน
ด้าน พ.ต.ท.ไพฑูรย์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการสอบสวนว่าเข้าข่ายพยามฆ่าเจ้าพนักงานขณะกำลังปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ รวมถึงต้องดำเนินคดีความผิดเกี่ยวกับการฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจรด้วย