xs
xsm
sm
md
lg

กองทัพบกฝึกอาชีพให้แก่ชุมชนตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ศูนย์ข่าวศรีราชา - กองทัพบก เข้าฝึกอาชีพช่างซ่อมเครื่องยนต์ขนาดกลาง-เล็ก ให้กับชุมชนหมู่บ้านตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา

พ.อ.วสุ เจียมสุข ผบ.หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 12 กองกำลังบูรพา พร้อมด้วย พ.ท.เอกรัติ เมธาวัฒนานันท์ รอง ผบ.ฉก.กรม ทพ.12 เป็นประธานเปิดการฝึกอบรมวิชาชีพช่างซ่อมรถจักยานยนต์ตลอดจนเครื่องยนต์ขนาดกลางและเล็กให้แก่ราษฎรคนไทยตามแนวชายแดนหมู่บ้านวังมน หมู่ ที่ 3 ตำบลท่าข้าม อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว โดยมีชุมชนเข้าร่วมฝึกอบรม จำนวน 67 คน ซึ่งมีผู้หญิงชาวบ้านเข้าร่วมอบรม 1 คน

ด้าน ร.อ.ชาญ ว่องไวเมธี ผบ.ร้อยทหารพรานที่ 1206 จุดตรวจ อ.05 คลองลึก กล่าวว่า กิจกรรมดังกล่าวเป็นตามนโยบายของกองทัพบก ร่วมกับศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงานจังหวัดสระแก้ว กรมพัฒนาฝีมือแรงงานกระทรวงแรงงาน ร่วมฝึกวิชาชีพให้กับราษฏรคนไทยชายแดนเป็นครั้งแรกตามเป้าหมายกองทัพไทยที่มีกำหนดฝึกอบรม 10 วัน พร้อมมอบใบประกาศให้แก่ผู้เข้ารับการฝึกอบรม ที่จบการฝึกเพื่อนำไปประกอบวิชาชีพและกิจกรรมของตนเองได้ในช่วงยามจำเป็น

การจัดทำโครงการสู้วิกฤติเศรษฐกิจด้วยปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ตามนโยบายของกองทัพบก ซึ่งจัดเป็นครั้งแรกให้กับราษฏรคนไทยตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยมีศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงานจังหวัดสระแก้ว กรมพัฒนาฝีมือแรงงานกระทรวงแรงงาน นำช่างพร้อมอุปกรณ์เครื่องมือช่างซ่อมรถจักยานยนต์ ตลอดจนเครื่องยนต์ขนาดกลางลงมาถึงเล็ก แต่มีประสิทธิภาพทางด้านประกอบอาชีพ เสริมรายได้ และใช้เป็นการแก้ไขปัญหาแก้ไขเครื่องยนต์ไถ่นาทำไร่ ของตัวได้เป็นอย่างดี

ร.อ.ชาญ กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้ปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น ส่งผลกระทบต่อราษฏรคนไทยไปทั่วทุกหนแห่ง โดยเฉพาะตามแนวชายแดน ที่อาจมีผลต่อเนื่องถึงความมั่นคงภายในของชาติทุกมิติ ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวมีแนวโน้มนับวันขยายตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยทุกพื้นที่มีผลกระทบทั่วทั้งภายในของประเทศไทยอย่างรุนแรง

ดังนั้น หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 12 กองกำลังบูรพา โดยเฉพาะกองร้อยทหารพรานที่ 1206 เป็นผู้รับหน้าที่ตามนโยบายดังกล่าวจากกองทัพไทย ซึ่งถือว่าเป็นส่วนหนึ่งในกลไกลของรัฐ และเห็นความสำคัญต่อเรื่องดังกล่าวที่เป็นปัญหาที่ทำให้พี่น้องประชาชนต่างพากันได้รับความเดือดร้อน หวังช่วยเหลือและยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของครอบครัวของประชาชนคนไทยทั่วไปได้รับความเชื่อมั่น โดยน้อมนำโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ และปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มาเป็นแนวทางในการขับเคลื่อนต่อสู้ภัยวิกฤติ ที่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจขณะนี้

นอกจากนี้ยังเป็นการสร้างภูมิคุ้มภัยคุกคามในรูปแบบต่างๆ และเสริมสร้างความสามัคคีในสังคมส่วนร่วมในรูปแบบสมานฉันท์ โดยมีและยึดมั่นสถาบันหลักของชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เป็นสิ่งยึดเหนี่ยวและเป็นศูนย์รวมทางด้านจิตใจ อยู่ร่วมความเป็นอยู่แบบพื้นบ้านวัฒนะธรรม เพื่อปลูกฝั่งจิตรลูกหลานสืบทอดชุมชนหมู่บ้าน โรงเรียน และวัดอาวาราม ร่วมใจพัฒนาต่อสู้เพื่อทศแทนต่อคุณแผ่นดินไทยให้อยู่รอดมาได้ตลอดทุกวันนี้ ที่ไม่ตกเป็นเมืองขึ้นต่อชาติชนใด จากพระคุณบรรพบุรุษที่รักษากอบกู้มาไว้ทุกวันนี้จงได้
กำลังโหลดความคิดเห็น