พิษณุโลก - นายทุนปักษ์ใต้เย้ยกฎหมาย บุกรุกแผ้วถางป่าใหม่ ปลูกยางพาราเพิ่มในพื้นที่ตรวจยึดเดิม 123 ไร่ สายตรวจป่าไม้ภาคเหนือสนธิกำลังรวบ 12 รายคาแปลงยาง แต่ไม่ยอมเซ็นเป็นผู้ต้องหา
วันนี้ (17 พ.ค.) สายตรวจปราบปรามการกระทำผิดกฏหมายว่าด้วยการป่าไม้ภาคเหนือ, หน่วยเคลื่อนที่เร็วเพื่อป้องกันและรักษาป่า (ภาคเหนือ) ที่ 1, หน่วยรักษาป่า พล.9 (ปากพาน), พล.16 (น้ำโจน), พล.5 (ซุ้มขี้เหล็ก), พล.4 (ป่าแดง), ตำรวจป่าไม้พิษณุโลกและชุดปฏิบัติงานป้องกันรักษาป่าบริเวณพื้นที่เขื่อนแควน้อยที่ 1 และ 2 นำกำลังเข้าตรวจยึดพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าสองฝั่งลำน้ำแควน้อย หลังพบว่า มีนายทุนใต้ทำการบุกรุกป่าใหม่เพื่อปลูกยางพาราไม่ชอบด้วยกฏหมาย ตามคำสั่งอธิบดีกรมป่าไม้ที่ต้องการหยุดยั้งขบวนการแผ้วถางป่า
เหตุเกิดบริเวณ หมู่ที่ 10 ตำบลคันโช้ง อำเภอวัดโบสถ์ จังหวัดพิษณุโลก พบมีการลักลอบถางป่าใหม่ ริมชายเขากำลังปลูกและซ่อมแซมยางพารา จึงแสดงตัวเข้าจับกุมคนงานทั้งหมด 12 คน คือ 1.สุชาติ บุญเศียร คนขับ อายุ 52 ปี 40 หมู่ 8 ต.ไทรหมาก อ.เทียนใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช 2.นางสายสุณีย์ หวานสนิท 3.น.ส.ชาลิกา ศรีเนียม 4.นายสุรัตน์ สุรกา 5.นายกิตติพันธ์ รุ่งเรือง 6.นายชูชาติ วิพงศ์เดช 7.นายบุญช่วย ยอดสุวรรณ 8.น.ส.ใส สิงห์โฉม 9 น.ส.สุดารัตน์ ศรีเนียม 10.นายโชคชัย พ่วงเงิน 11.น.ส.รัตนภรณ์ ยอดสุวรรณ 12.น.ส.วัลภา อิ่มประยูร ขณะปลูกยางพาราบริเวณชายเขา ซึ่งทั้งหมดภูมิลำเนา อ.พรหมพิราม และ อ.ชาติตระการ จ.พิษณุโลก โดยไม่พบร่องรอยหรือหลักฐานการเข้าทำประโยชน์ในด้านเกษตรกรรมมาก่อน พบเพียงต้นยางพาราปลูกมาแล้วความสูง 50-100 เซนติเมตร ผู้ต้องหาซัดทอดว่า นายอ๊อด ภูมิลำเนาจากภาคใต้ ไม่ทราบชื่อและนามสกุลเป็นผู้ว่าจ้าง ปลูกและซ่อมแซม อัตราค่าแรง ผู้ชายวันละ 200 บาท และผู้หญิง 150 บาท จึงได้ทำการตรวจยึดพื้นที่จำนวน 28 ไร่ 1 งาน พร้อมรถแทรกเตอร์ล้อยาง สีส้ม v2403-c1139c-กระบะพ่วงบรรทุกกล้ายางพารา จำนวน 40 ต้นและมีด 2 เล่ม จอบ 6 เล่ม เสียม 2 เล่ม
นายนันทพงษ์ คำปิน หัวหน้าสายตรวจป่าไม้ภาคเหนือ หัวหน้าชุดจับกุม กล่าวว่า นายทุนใต้แผ้วถางและบุกรุกป่าใหม่เพิ่มอีก 28 ไร่ โดยพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ ที่กรมป่าไม้ตรวจยึดไว้เมื่อ 6 พ.ค.2548 นำส่งคดีที่ 64/48 ดำเนินคดีตามปจว.ข้อ 13 สภ.วัดโบสถ์ พื้นที่ 123 ไร่ 1 งาน 92 ตารางวา เรียกว่า เป็นการบุกรุกพื้นที่ซ้ำ และผู้ต้องหาทั้งหมด 12 คนไม่ยอมเซ็นชื่อ ยอมรับว่า เป็นผู้ต้องหา
จากเครื่องมือตรวจวัดพิกัดทางภูมิศาสตร์ด้วยระบบสัญญาณดาวเทียม( GPS.) พบว่า พื้นที่เสียหายดังกล่าว อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติสองฝั่งลำน้ำแควน้อย จึงร่วมกันกล่าวโทษตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ 2484 มาตรา 54 ข้อหา ร่วมกันแผ้วถางป่า หรือ การกระทำใดๆ อันเป็นเป็นการทำลายป่า ยึดถือครอบครองป่าเพื่อตนเองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพรบ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 ร่วมกันแผ้วถางป่ายึดถือครอบครอง ทำประโยชน์ อันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาต มาตรา 14 และมาตรา 31 นำส่ง พ.ต.ท.วิเตียน ดีธงทอง พงส.(สบ2) สภ.วัดโบสถ์ เพื่อสืบหาตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป