เชียงราย - ศุลกากรแม่สายสั่งคุมเข้มตรวจสกัดบุหรี่นอก อาจลักลอบผ่านแดนหลังรัฐบาลประกาศขึ้นภาษี จนขณะนี้มีกระแสข่าวการกักตุนกันเป็นจำนวนมาก
รายงานข่าวจาก จ.เชียงราย แจ้งว่า ภายหลังจากรัฐบาลได้ขึ้นอัตราภาษีสุราและบุหรี่ภายในประเทศไปแล้ว ทำให้ตลาดการค้าชายแดนโดยเฉพาะที่ อ.แม่สาย พบว่าทางเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องคือ ด่านศุลกากรแม่สายได้มีการกำชับให้เจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการ ที่ประจำอยู่ที่ด่านพรมแดน ทั้งตรงสะพานข้ามลำน้ำสายแห่งที่ 1 และแห่งที่ 2 รวมทั้งจุดการค้าต่างๆ ให้เข้มงวดกวดขันการลักลอบนำเข้าสินค้าประเภทดังกล่าวให้มากขึ้น เนื่องจากเกรงว่าสินค้าดังกล่าวซึ่งมีอยู่มากในฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน และมีราคาถูกกว่าจะทะลักเข้ามา เพื่อขายให้กับบรรดานักเสพย์ทั้งหลาย
นายประยุทธ พันธุ์ประเสริฐ ผู้ช่วยนายด่านศุลกากรแม่สาย กล่าวว่าในช่วงที่ผ่านมา การทะลักเข้ามาของสินค้าประเภทสุราและบุหรี่ตามชายแดนไทย-พม่า ด้าน อ.แม่สาย ถือว่ามีอยู่น้อยมาก เพราะเจ้าหน้าที่ได้มีการเข้มงวดมาตั้งแต่ต้น ก่อนที่จะมีการขึ้นอัตราภาษีครั้งนี้แล้ว
ขณะเดียวกัน หน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง เช่น ทหารจาก ฉก.ม.3 กองกำลังผาเมือง ฯลฯ ก็ประจำการอยู่ตามแนวชายแดนทุกจุดอย่างเข้มงวดด้วย รวมทั้งสินค้าประเภทนี้ก็มีมูลค่าต่ำและไม่ได้รับความนิยมมาก ดังนั้น ที่ผ่านมาการทะลักเข้ามาของสินค้าต้องห้ามมักจะเป็นสินค้าประเภทละเมิดลิขสิทธิ์ เช่น แผ่นดีวีดี วีซีดี เสื้อผ้า กระเป๋า ฯลฯ เสียเป็นส่วนใหญ่
นายประยุทธิ์กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม เนื่องจากมีการขึ้นอัตราภาษี จึงหวั่นเกรงว่าสถานการณ์จะเปลี่ยนแปลงไป จึงได้ทำการกำชับให้เจ้าหน้าที่เข้มงวดและหาข่าวให้มากขึ้น ซึ่งในปัจจุบันก็ทราบว่ายังไม่มีกลุ่มขบวนการที่จะทำการลักลอบดังกล่าว แต่อาจจะมีบ้างเล็กๆ น้อยๆ ไม่ถึงกับเรียกว่าเป็นกลุ่มขบวนการ จึงขอแจ้งว่าการจะนำสินค้าประเภทบุหรี่เข้ามาในประเทศไทยนั้นหากไม่เสียภาษีก็ทำไม่ได้ แต่ก็อนุโลมให้ตามกฎหมายและเพื่อให้เป็นเสน่ห์ของตลาดชายแดนคือให้หาซื้อเข้ามาได้เพียงคนละ 1 ห่อ หรือค็อตตอนเท่านั้น หากว่านำเข้ามามากกว่านี้ก็ทำให้สงสัยว่าเป็นการลักลอบ ซึ่งก็จะต้องดำเนินคดีกันตามกฎหมายต่อไป
รายงานข่าวแจ้งว่าในปี 2551 ด่านศุลกากรแม่สายมีการมูลค่าการนำเข้าสินค้าจำนวน 245.37 ล้านบาท และส่งออกจำนวน 1,216.40 ล้านบาท โดยสินค้าที่นำเข้าที่สุด คือ ไม้สัก สุราต่างประเทศ ผลส้มสด ฯลฯ ส่วนสินค้าส่งออกมากที่สุดคือน้ำมันเชื้อเพลิง สุราต่างประเทศ ฯลฯ
สำหรับสถิติการปราบปรามพบว่า การทะลักเข้ามาของสินค้าผิดกฎหมาย ส่วนใหญ่จะเป็นยาเสพติดกว่า 11 คดี มูลค่าของกลางกว่า 9.6 ล้านบาท สินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ 122 คดีมูลค่าสินค้ากว่า 18.5 ล้านบาท ส่วนสินค้าไม่พึงประสงค์อื่นๆ มีจำนวน 127 คดีมูลค่าสินค้าประมาณ 10 ล้านบาท เมื่อรวมทุกคดีพบว่ามีอยู่จำนวน 260 คดีมูลค่าของกลางกว่า 38.4 ล้านบาท
ทั้งนี้ ลำน้ำสายและลำน้ำรวกรวมทั้งชายแดนทางบกอื่นๆ สามารถข้ามไปมาได้ง่ายเพราะเป็นเพียงลำธารตื้นเขินในฤดูแล้ง ทำให้กลุ่มขบวนการมักอาศัยลักลอบนำสินค้าหนีภาษีใส่กระสอบไปวางไว้ริมฝั่งเพื่อให้ผู้รับซื้อส่งคนไปรับ ส่งผลทำให้ส่วนใหญ่เจ้าหน้าที่มักยึดได้เพียงของกลางที่วางเอาไว้เท่านั้น