ลำปาง – มอดไม้ลำปางยังมีเพียบ ล่าสุดเจ้าหน้าที่รวบได้สองรายภายในวันเดียว ยึดได้ไม้แปรรูป-ไม้ท่อนกว่า 200 ท่อน รวบผู้ต้องหาสองราย หนึ่งในสองเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน
รายงานข่าวจากจังหวัดลำปาง แจ้งว่า กำลังเจ้าหน้าที่ชุดปฎิบัติการพิเศษ (ททท.) พร้อมฝ่ายปกครอง อำเภอเมืองลำปาง เจ้าหน้าที่ตำรวจและป่าไม้กว่า 20 นาย นำโดยนายสุทัศน์ สมคำ ปลัดฝ่ายความมั่นคง อำเภอเมืองลำปาง ได้เข้าตรวจสอบที่บ้านเลขที่ 271 หมู่ 1 บ้านสบค่อม ตำบลบ้านค่า อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง เมื่อ 7 พ.ค.ที่ผ่านมา พบว่ามีไม้สักท่อนซุกซ่อนอยู่ใกล้บริเวณบ้านอีกกว่า 20 ท่อน รถยนต์ต้องสงสัยที่ใช้เป็นพาหนะในการขนไม้เถื่อน อีก 2 คัน จอดอยู่ใกล้บ้าน
เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาได้ 1 คน คือ นายฝั่น เขื่อนคำ อายุ 55 ปี มีตำแหน่งเป็น ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน บ้าสบค่อม โดยรับสารภาพว่า เป็นเจ้าของบ้านและเป็นเจ้าของไม้ แต่อ้างว่า ต้องการนำมาซ่อมแซมบ้านเท่านั้น และไม้สักทั้งหมดเป็นไม้ที่มาจากสวนของตนเอง
เจ้าหน้าที่ให้นำหลักฐานมาแสดงแต่ นายฝั่นก็ไม่สามารถหาหลักฐานมาแสดงได้ เจ้าหน้าที่จึงได้ตรวจยึดอุปกรณ์แปรรูปไม้และไม้ทั้งหมด เพื่อดำเนินคดีต่อไป ส่วนรถยนต์ได้ให้เจ้าหน้าที่ ขนส่งจังหวัดลำปางเข้าไปตรวจสอบ เพื่อให้ใช้ พ.ร.บ.จราจรขนส่งดำเนินการอีกขั้นตอนหนึ่ง
ในเรื่องดังกล่าวนายสามารถ ลอยฟ้า รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง กล่าวว่า บ้านหลังดังกล่าวได้รับแจ้งมานานว่า มีพฤติการณ์ในการแปรรูปไม้เถื่อนอย่างโจ่งแจ้งทั้งๆ ที่เป็นถึงผู้นำชุมชน ดังนั้นจึงได้ให้เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบ จนสามารถตรวจยึดได้ทั้งคนและไม้ บทลงโทษทางวินัย จะได้ให้งานปกครองอำเภอได้ดำเนินการตาม กฎระเบียบ ต่อไปเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่ผู้นำคนอื่นๆต่อไป
หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ได้นำกำลัง พรอมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรแจ้ห่ม เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันและรักษาป่า ที่ ลป.39 (ห้วยหลวง) กว่า 30 นาย เข้าตรวจสอบไม้สักท่อนที่กองอยู่ภายในบริเวณบ้านเลขที่ 38 หมู่ 2 บ้านสาสบหก ตำบลบ้านสา อำเภอแจ้ห่ม จังหวัดลำปาง พบไม้สักท่อนขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 20-40 ซม.กองอยู่ทั่วบ้านถึง 250 ท่อน ไม้กระยาเลยขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 40-60 ซม.อีก 34 ท่อน พร้อมจับกุมนายสุพล ใจอยู่ อายุ 44 ปี ซึ่งรับว่าเป็นเจ้าของบ้านและไม้จำนวนดังกล่าว และเมื่อเจ้าหน้าที่ขอตรวจสอบภายในบ้านพบไม้สักที่แปรรูปแล้วขนาดต่างถึง 140 แผ่นเหลี่ยม
เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าไม้จำนวนดังกล่าวได้ซื้อมาในราคา 1 แสนบาทเพื่อนำมาสร้างบ้าน โดยซื้อมาจากสวนของชาวบ้านในพื้นที่ แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ให้นำหลักฐานเพื่อมาแสดงความบริสุทธิ์ก็ไม่สามารถนำหลักฐานแสดงได้ จึงได้แจ้งข้อกล่าวว่าตามความผิด พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 ฐานร่วมกันมีไม้หวงห้ามแปรรูป โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่. ม.69 ฐานร่วมกันครอบครองไม้หวงห้ามอันยังมิได้แปรรูป โดยไม่ได้รับอนุญาต ก่อนตรวจยึดของกลางไปตรวจสอบ และส่งตัวให้พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรแจ้ห่มดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
