ศูนย์ข่าวศรีราชา-ประชาชนเริ่มทยอยเดินทางออกจากกรุงเทพฯ กลับสู่ภูมิลำเนาบ้านเกิดกันแล้ว ล่าสุดเส้นทางมอร์เตอร์เวย์ขาออกจากกรุงเทพฯ ด้านทิศตะวันออกมีรถหนาแน่น จนถึงขั้นติดขัดในบางช่วง โดยเฉพาะบริเวณตามจุดตัดทางแยกสัญญาณไฟจราจร
บรรยากาศการเดินทางออกจากกรุงเทพมหานคร ด้านทิศตะวันออก ผ่านเส้นทางในจังหวัดฉะเชิงเทรา เริ่มคึกคักแล้ว หลังในเส้นทาง บนถนนสาย 314 บางปะกง-ฉะเชิงเทรา แยกลงออกจากมอเตอร์เวย์ (สาย7) กรุงเทพ-พัทยา มีรถสะสมเป็นจำนวนมาก จนถึงขั้นติดขัดในบางช่วง โดยเฉพาะในบริเวณจุดตัดของถนน และทางแยกสัญญาณไฟจราจร ขณะที่ถนนสาย 304 ฉะเชิงเทรา-กบินทร์บุรี-นครราชสีมา มีรถใช้เส้นทางในปริมาณมาก
โดยรถที่สัญจรผ่านมีทั้งการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว และนั่งโดยสารไปกับท้ายรถกระบะ จนเต็มคันทั้งที่ไม่มีหลังคาปกคลุม ประกอบกับรถบางคันยังได้ขนสัมภาระการเดินทางกลับบ้านจนเต็มคันรถ ส่วนรถยนต์บรรทุกสินค้า รวมทั้งรถพ่วง 18 ล้อ ยังคงทำการขนส่งสินค้า วิ่งอยู่ในเส้นทางตามปกติเป็นจำนวนมาก เนื่องจากบางครั้งได้มีรถพ่วงวิ่งต่อกันเป็นแถวยาวเหยียด จนทำให้รถเล็กที่อยู่ในเส้นทางขับแซงหน้าได้ยากลำบากมากยิ่งขึ้น จึงทำให้มีความเสี่ยงสูงต่อผู้ที่ใช้เส้นทางร่วมกัน
ขณะที่ พล.ต.ต.สุรพงษ์ กายตะวัน ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดฉะเชิงเทรา กล่าวว่า ในการเดินทางผ่านจังหวัดฉะเชิงเทรานั้น หากเกิดมีอาการง่วงนอนขอให้ประชาชนที่ใช้เส้นทางหยุดพัก และใช้บริการ ยังจุดบริการประชาชน ที่มีการจัดเตรียมตั้งเต็นท์ไว้ให้บริการประชาชน ได้นอนพักผ่อนเป็นระยะตลอดเส้นทาง ซึ่งจังหวัดฉะเชิงเทราถือเป็นประตูอีกด้านหนึ่งของกรุงเทพฯ ด้านทิศตะวันออก ที่มีประชาชนใช้เส้นทางเป็นจำนวนมาก
ทั้งถนนสายบางนา-ตราด ทางยกระดับบูรพาวิถี สายมอเตอร์เวย์ กรุงเทพฯ-พัทยา เชื่อมต่อกับถนนสาย 314 เดินทางต่อไปยังภาคอีสาน นอกจากนี้ ยังมีถนนสายสุวินทวงศ์ (304) มีนบุรี-ฉะเชิงเทรา ที่สามารถเดินทางต่อไปยัง จ.นครราชสีมา และชายแดน จ.สระแก้ว ได้
ขณะเดียวกันยังมีเส้นทางสายสำคัญที่เชื่อมต่อระหว่างกลุ่มจังหวัดในภาคตะวันออก ย่านนิคมอุตสาหกรรม ไปยังภาคอีสาน คือ ถนนสาย 331 สัตหีบ-กบินทร์บุรี ถนนสุขุมวิท สายเก่า สมุทรปราการ-บางปะกง ซึ่งในปีที่ผ่านมา จังหวัดฉะเชิงเทรา มีสถิติของการเกิดอุบัติเหตุ ช่วงเทศกาลสงกรานต์ เกิดขึ้น 63 ครั้ง มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 82 ราย และมีผู้เสียชีวิต 3 ราย ในปีนี้จึงได้เพิ่มมาตรการในด้านความปลอดภัย ทั้งการตั้งจุดสกัด ตรวจวัดแอลกอฮอล์ มากยิ่งขึ้น
บรรยากาศการเดินทางออกจากกรุงเทพมหานคร ด้านทิศตะวันออก ผ่านเส้นทางในจังหวัดฉะเชิงเทรา เริ่มคึกคักแล้ว หลังในเส้นทาง บนถนนสาย 314 บางปะกง-ฉะเชิงเทรา แยกลงออกจากมอเตอร์เวย์ (สาย7) กรุงเทพ-พัทยา มีรถสะสมเป็นจำนวนมาก จนถึงขั้นติดขัดในบางช่วง โดยเฉพาะในบริเวณจุดตัดของถนน และทางแยกสัญญาณไฟจราจร ขณะที่ถนนสาย 304 ฉะเชิงเทรา-กบินทร์บุรี-นครราชสีมา มีรถใช้เส้นทางในปริมาณมาก
โดยรถที่สัญจรผ่านมีทั้งการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว และนั่งโดยสารไปกับท้ายรถกระบะ จนเต็มคันทั้งที่ไม่มีหลังคาปกคลุม ประกอบกับรถบางคันยังได้ขนสัมภาระการเดินทางกลับบ้านจนเต็มคันรถ ส่วนรถยนต์บรรทุกสินค้า รวมทั้งรถพ่วง 18 ล้อ ยังคงทำการขนส่งสินค้า วิ่งอยู่ในเส้นทางตามปกติเป็นจำนวนมาก เนื่องจากบางครั้งได้มีรถพ่วงวิ่งต่อกันเป็นแถวยาวเหยียด จนทำให้รถเล็กที่อยู่ในเส้นทางขับแซงหน้าได้ยากลำบากมากยิ่งขึ้น จึงทำให้มีความเสี่ยงสูงต่อผู้ที่ใช้เส้นทางร่วมกัน
ขณะที่ พล.ต.ต.สุรพงษ์ กายตะวัน ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดฉะเชิงเทรา กล่าวว่า ในการเดินทางผ่านจังหวัดฉะเชิงเทรานั้น หากเกิดมีอาการง่วงนอนขอให้ประชาชนที่ใช้เส้นทางหยุดพัก และใช้บริการ ยังจุดบริการประชาชน ที่มีการจัดเตรียมตั้งเต็นท์ไว้ให้บริการประชาชน ได้นอนพักผ่อนเป็นระยะตลอดเส้นทาง ซึ่งจังหวัดฉะเชิงเทราถือเป็นประตูอีกด้านหนึ่งของกรุงเทพฯ ด้านทิศตะวันออก ที่มีประชาชนใช้เส้นทางเป็นจำนวนมาก
ทั้งถนนสายบางนา-ตราด ทางยกระดับบูรพาวิถี สายมอเตอร์เวย์ กรุงเทพฯ-พัทยา เชื่อมต่อกับถนนสาย 314 เดินทางต่อไปยังภาคอีสาน นอกจากนี้ ยังมีถนนสายสุวินทวงศ์ (304) มีนบุรี-ฉะเชิงเทรา ที่สามารถเดินทางต่อไปยัง จ.นครราชสีมา และชายแดน จ.สระแก้ว ได้
ขณะเดียวกันยังมีเส้นทางสายสำคัญที่เชื่อมต่อระหว่างกลุ่มจังหวัดในภาคตะวันออก ย่านนิคมอุตสาหกรรม ไปยังภาคอีสาน คือ ถนนสาย 331 สัตหีบ-กบินทร์บุรี ถนนสุขุมวิท สายเก่า สมุทรปราการ-บางปะกง ซึ่งในปีที่ผ่านมา จังหวัดฉะเชิงเทรา มีสถิติของการเกิดอุบัติเหตุ ช่วงเทศกาลสงกรานต์ เกิดขึ้น 63 ครั้ง มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 82 ราย และมีผู้เสียชีวิต 3 ราย ในปีนี้จึงได้เพิ่มมาตรการในด้านความปลอดภัย ทั้งการตั้งจุดสกัด ตรวจวัดแอลกอฮอล์ มากยิ่งขึ้น