พิจิตร - สั่งกำนัน - ผญบ. ตรวจเก็บอาวุธลูกบ้าน หวั่นใช้ก่อเหตุความไม่สงบวันแดงเดือด-วิกฤตเศรษฐกิจ
วันที่ (8 เมงญง 2552) นายสุวิทย์ วัชโรทยางกูร รองผู้ว่าฯ พิจิตร ได้เรียกประชุมกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน จาก 12 อำเภอ 888 หมู่บ้าน ที่ศาลาการเปรียญวัดท่าหลวง พระอารามหลวง กว่า 1 พันคน ที่มาร่วมประชุม เพื่อให้เข้าถึงเข้าใจถึงนโยบายของกรมการปกครองที่ให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน มีหน้าที่บำบัดทุกข์บำรุงสุขเป็นตัวแทนของรัฐบาล ทำหน้าที่อยู่ในระดับหมู่บ้าน แต่เนื่องจากสถานการณ์การแบ่งฝักแบ่งฝ่ายของกลุ่มผู้ไม่หวังดีทำให้เกิดการแตกแยกในแผ่นดินไทย อีกทั้ง มีการชุมนุมประท้วงส่งผลให้เศรษฐกิจของไทยกับนักลงทุนต่างชาติเกิดความไม่เชื่อมั่น
ผลกระทบที่ตามมาในไม่ช้าก็จะตกมาอยู่ที่คนรากหญ้าที่ล้วนเป็นลูกบ้านของกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เหล่านี้ เมื่อคนเหล่านี้ตกทุกข์ได้ยากก็อาจสิ้นคิดก่อเหตุลักทรัพย์-วิ่งราวทรัพย์-ชิงทรัพย์-ปล้นทรัพย์ หรือถ้ามีอาวุธปืนอยู่ในมือก็อาจเอาไปจี้ปล้นฆ่าเจ้าทรัพย์ได้
ดังนั้น ในขณะที่บ้านเมืองกำลังวิกฤตเช่นนี้จึงขอสั่งการให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ไปเปิดสารบบของผู้มีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยให้ไปขอดูใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนที่มีไว้ใช้ป้องกันทรัพย์สินภายในบ้าน ว่ายังมีอาวุธปืนอยู่จริงหรือเปล่าถ้าไม่มีปืนอยู่กับบ้าน เจอแต่ใบทะเบียนปืนก็ขอให้ทำรายงานเพื่อจะได้เพิกถอนใบอนุญาตต่อไป
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการป้องกันมิให้ผู้ที่มีอาวุธปืนนำอาวุธปืนไปให้ผู้อื่นใช้ในการก่อเหตุหรือทำร้ายผู้อื่นในช่วงสถานการณ์บ้านเมืองหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้ นอกจากนี้มีวัยรุ่นบางกลุ่มก็แอบลักอาวุธปืนผู้ปกครองที่เก็บเอาไว้เอาไปก่อเหตุโดยที่ผู้ปกครองก็ไม่รู้ เพราะมีอาวุธปืนก็เก็บใส่ตู้ใส่ลิ้นชักร้อยวันพันปีไม่มีเหตุก็ไม่เฉลียวใจจะมารู้อีกทีก็ถูกตำรวจออกหมายเรียกไปให้ปากคำนั่นเอง
ดังนั้น ในช่วงนี้เพื่อเป็นการป้องกันเหตุทั้งระดับหมู่บ้านและระดับชาติจึงขอให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ไล่ตรวจอาวุธปืนของราษฎรที่มีใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนว่ายังคงอยู่ครบถ้วนสมบูรณ์หรือไม่ อีกทั้งต้องหาข่าวพวกมีอาวุธสงครามหรืออาวุธปืนนอกกฎหมาย เพื่อดำเนินคดีและมิให้อาวุธปืนเหล่านี้ตกไปอยู่ในมือของพวกไม่ปรารถนาดี ที่อาจเอาไปใช้ลอบสังหารบุคคลสำคัญของประเทศ หรือใช้ก่อเหตุฆ่าฟันยิงคนไทยด้วยกันเอง จากความขัดแย้งแบ่งสีเสื้อรวมถึงในช่วงสงกรานต์อาจเมาสุรา จนเป็นเหตุก่อการวิวาทแล้วใช้อาวุธปืนก่อความรุนแรงก็อาจเป็นได้ ดังนั้น ในช่วงนี้จึงต้องดำเนินการในเชิงรุกดังกล่าว
