ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ – “เครือข่ายประชาชนเชียงใหม่รักในหลวง” ทำพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณปกป้องสถาบันหลักของชาติ และออกแถลงการณ์โต้ “ทักษิณ” ชี้โฟนอินกล่าวหาพาดพิงสถาบันเบื้องสูง ทำลายองคมนตรีและตุลาการด้วยข้อมูลเท็จ พร้อมยื่นหนังสือจี้ “อภิสิทธิ์” มีมาตรการเด็ดขาดจัดการพวกมีพฤติกรรมเจตนาล้มล้างสถาบัน ขณะที่รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่เผยพบคนบางกลุ่มมีพฤติกรรมหมิ่นเบื้องสูง 2 กรณี เตรียมเสนอ ผวจ.ลงนามคำสั่งแจ้งความดำเนินคดีแล้ว
วันนี้(8 เม.ย.52) ที่บริเวณศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ “เครือข่ายประชาชนเชียงใหม่รักในหลวง” นำโดยนายสุริยันต์ ทองหนูเอียด ได้ร่วมกันทำพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณและแสดงเจตจำนงในการร่วมกันปกป้องสถาบันหลักของชาติ ต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดของเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวน 600 นาย ที่มาดูแลสถานการณ์ เนื่องจากในบริเวณใกล้เคียงกันนั้น มีกลุ่มคนเสื้อแดงเชียงใหม่ประมาณ 100 คน ปักหลักชุมนุมทำกิจกรรมกันอยู่แล้วต่อเนื่องมาหลายวัน ทั้งเวทีปราศรัยและจัดถ่ายทอดสดสัญญาณจากสถานีดีสเตชั่น
หลังจากพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณแล้ว เครือข่ายประชาชนเชียงใหม่รักในหลวง ได้อ่านแถลงการณ์ กรณีทักษิณกล่าวพาดพิงสถาบันเบื้องสูง ทำลายองคมนตรีและสถาบันตุลาการ โดยเนื้อหาระบุว่า นับจากที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กล่าวหาว่ามีกลุ่มบุคคลพยายามทำลายตนเองอย่างเป็นกระบวนการพาดพิงสถาบันองคมนตรีและตุลาการ ด้วยการพยายามเชื่อมโยงให้ร้าย พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี ประธานองค์มนตรี ว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังในการรัฐประหารล้มล้างรัฐบาลของตนที่ผ่านมานั้น
ทั้งนี้ ยืนยันว่าความจริงที่ทำให้ทักษิณถูกลงโทษทางการเมือง เป็นเพราะพฤติกรรมการบริหารประเทศของทักษิณที่ผ่านมา ที่ไม่เคารพหลักนิติรัฐ นิติธรรม มีพฤติกรรมทุจริตคอรัปชั่น ชอบแทรกแซงองค์กรอิสระ เพื่อหาผลประโยชน์ให้ตนเองและพวกพ้องอย่างเปิดเผย ไม่ยอมรับการตรวจสอบถ่วงดุล
ดังเช่นกรณีศาลปกครองสูงสุด มีคำพิพากษาให้เพิกถอนกระบวนการสรรหาคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์(กสช.) หรือกกรณีคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดให้เพิกถอนการกระจายหุ้นการไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ (กฟผ.) ในตลาดหลักทรัพย์ ด้วยการยกเลิก พ.ร.ฎ. 2 ฉบับ ซึ่งเป็นที่ชัดเจนว่าทักษิณ ไม่เคารพกระบวนการยุติธรรมในการปกป้องผลประโยชน์ของประเทศ
ขณะเดียวกันเห็นว่าการได้มาซึ่งอำนาจรัฐของทักษิณที่ผ่านมา ไม่เป็นไปตามวิถีของระบอบประชาธิปไตย ดังเช่น คำพิพากษาของศาลปกครองกลางให้เพิกถอนการเลือกตั้ง ส.ส.เมื่อวันที่ 2 เม.ย.2549 ทั้งในระบบัญชีรายชื่อและระบบแบ่งเขตทั่วประเทศ ซึ่งทำให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ เพราะการเลือกตั้งเป็นไปโดยไม่สุจริต และนำมาซึ่งการยุบพรรคไทยรักไทยในเวลาต่อมา หรือ กรณีศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำสั่งให้ยุบพรรคพลังประชาชน และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารเป็นเวลา 5 ปี
นอกจากนี้ เห็นว่าสิ่งที่เกิดขึ้นตามกระบวนการยุติธรรม อันนำมาซึ่งคำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับการบริหารประเทศแบบทักษิณ ล้วนมาจากหลักฐานเอกสารของราชการที่ปรากฏพบในสมัยทักษิณเรืองอำนาจทั้งสิ้น
การที่ทักษิณกล่าวหาว่ามีกระบวนการโค่นล้มอำนาจของเขา จึงเป็นความเท็จทั้งสิ้น เพราะสิ่งที่เป็นประจักษ์พยานอย่างชัดเจนก็คือการทุจริตในหลายๆ เรื่องที่เกิดจากการบริหารประเทศ ก่อนจะมีการรัฐประหาร 19 กันยายนและก่อนการเลือกตั้ง 2 เมษายน คือตัวโค่นล้มเขาเอง ทั้งการแทรกแซงกลไกการเลือกตั้งจนเป็นเหตุให้โมฆะ และปิดกั้นการตรวจสอบในระบบรัฐสภา จึงเป็นเหตุให้กลุ่มบุคคลที่มีความหวังดีต่อชาติและบ้านเมืองกระทำไปตามหน้าที่และสถานะแห่งตนเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศ
ดังนั้น ที่ทักษิณ กล่าวหาพาดพิง พลเอกเปรม ว่าอยู่เบื้องหลังการรัฐประหารจึงเป็นเรื่องเท็จและเป็นเรื่องที่ฟังไม่ขึ้น บิดเบือนข้อเท็จจริง ยิ่งอ้างว่าถูกกระทำโดยเชื่อมโยงถึงกลุ่มบุคคลต่างๆ ทั้งองคมนตรีและตุลาการ ยิ่งเป็นเรื่องเท็จ เพราะการกระทำ 4-5 กรณีข้างต้นก็เป็นเหตุที่มีคู่กรณีตัวบุคคลที่กล่าวหาถึงพฤติกรรมมิชอบของทักษิณ โดยเปิดเผยต่อสาธารณะอย่างชัดเจน และกระทำโดยอาศัยกลไกกระบวนการยุติธรรมทั้งสิ้น
รายงานข่าวแจ้งว่า นอกจากการทำพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณและอ่านแถลงการณ์แล้ว ทางเครือข่ายประชาชนเชียงใหม่รักในหลวง ได้ยื่นหนังสือถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ผ่านจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งมีนายไพโรจน์ แสงภู่วงษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นตัวแทนรับ
หนังสือดังกล่าวนี้เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง และนายสาธิต วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เร่งดำเนินการหามาตรการปกป้องสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ และจัดการกับบุคคลและกลุ่มคนที่มีเจตนาทำลายล้มล้างสถาบันเบื้องสูงอย่างเด็ดขาด เนื่องจากปัจจุบันพบว่ามีขบวนการทำลายระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขอย่างต่อเนื่อง โดยมีพฤติกรรมจาบจ้วงและพาดพิงสถาบันเบื้องสูง องคมนตรีและสถาบันตุลาการอย่างเปิดเผย เพื่อหวังโค่นล้มสถาบัน
รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวหลังจากได้รับหนังสือดังกล่าวว่า ดีใจที่เห็นผู้ออกมาประกาศปกป้องสถาบันเบื้องสูงของชาติ ทั้งนี้หากพบว่ามีกลุ่มคนไม่ว่าจะเป็นกลุ่มใดก็ตามที่มีพฤติกรรมหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ทางจังหวัดจะจัดการดำเนินการตามกฎหมายทุกกรณี โดยล่าสุดวานนี้(7 เม.ย.52) ทางคณะทำงานของจังหวัดเชียงใหม่ได้มีการพิจารณาพฤติกรรมหมิ่นเบื้องสูงของกลุ่มคนบางกลุ่ม 2 กรณี คือ กรณีการขึ้นป้ายที่มีข้อความหมิ่นเหม่ และกรณีอภิปรายพาดพิง ซึ่งทั้ง 2 กรณีมีหลักฐานชัดเจน โดยในวันพรุ่งนี้(9 เม.ย.52) จะมีการเสนอให้ผู้ราชการจังหวัดเชียงใหม่ ลงนามคำสั่งให้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดี