ตราด - ประธานหอฯตราด สถานการณ์ความขัดแย้งที่เขาพระวิหาร จ.ศรีสะเกษ ระหว่างไทย-กัมพูชา จนเกิดการปะทะกันนั้น ไม่ได้ผลกระทบด้านการค้าขายตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ เบื้องลึกความขัดแย้งมีส่วนจากคำกล่าวของ “กษิต ภิรมย์” ระบุ “คำว่านักเลง” เป็นคำไม่ดีในกัมพูชา ด้านการลงทุนไทยในกัมพูชาเริ่มมีผลกระทบ เตือนรัฐบาลไทยระวังความสัมพันธ์ 2 ประเทศ ขณะเวียดนามฉวยโอกาสค้าแทนไทย
นายประเสริฐ ศิริ ประธานหอการค้า จ.ตราด และเจ้าของท่าเรือกัลปังหา ท่าเรือส่งออกไปกัมพูชา-เวียดนาม เปิดเผยว่า สถานการความขัดแย้งที่เขาพระวิหาร จ.ศรีสะเกษ ระหว่างไทย-กัมพูชา จนเกิดการปะทะกันนั้น ไม่ได้ผลกระทบด้านการค้าขายตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน จ.ตราด เท่าใดนัก มูลค่าการค้าในเดือนมกราคมมีประมาณ 1,200 ล้านบาท แต่ในเดือนกุมภาพันธ์ มีสูงขึ้นถึง 1,500 บาท และเดือนมีนาคมก็เพิ่มขึ้นถึง 1,650 ล้านบาท และมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ
ขณะเดียวกัน พ่อค้าแม่ค้าใน จ.สระแก้ว ได้หันมาส่งสินค้าทางน้ำมากขึ้นและนำมาส่งที่ อ.คลองใหญ่ จ.ตราด เพราะสะดวกและราคาถูก ซึ่งทำให้มูลค่าการ ค้าสูงขึ้นอีกในอนาคต ซึ่งแม้จะมีความขัดแย้งในพื้นที่ชายแดนบริเวณเขาพระวิหาร หรือจุดใดก็ยังไม่มีปัญหาใดๆ แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นจะเกิดกับนักลงทุนชาวไทยที่เข้าไปลงทุนในประเทศกัมพูชามากกว่า
“ผมเป็นห่วงสถานการณ์ ความรู้สึกของชาวกัมพูชาและรัฐบาลกัมพูชาที่มีความรู้สึกไม่ดีกับประเทศไทยมา เป็นเวลาช้านานในประวัติศาสตร์ก็มีให้เห็นอยู่แล้วเมื่อรัฐบาลทั้ง 2 ฝ่ายเกิดปัญหาระหว่างกัน ปัญหาก็จะบานปลาย ต้องเข้าใจว่าคน 2 คน ที่มีความรู้สึกลึกๆ ที่ไม่ดีกันและไม่ไว้วางใจกันอยู่เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เมื่อมีการตะโกนด่า ระหว่างกันความรู้สึกมันจะดีหรือ ต้องไม่ลืมว่าก่อนที่จะเกิดความขัดแย้งที่เขาพระวิหาร นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่า การกระทรวงการต่างประเทศของไทย เกี่ยวกับคำว่า นักเลง คำว่า นักเลงในกัมพูชาใช้ว่า นะเลง หรือนักเล่น ซึ่งเป็นความหมายที่ไม่ดี เป็นนักเล่น ไม่มีอาชีพ และเชื่อถือไม่ได้ ไม่แน่นอน นี่เป็นเรื่องที่ต้องระวังเป็น พิเศษ ผมก็ไม่อยากจะมีปัญหารวมทั้งสื่อของกัมพูชาก็ตีความหมายไปอีกทางและเป็นผลลบต่อรัฐบาลไทย และนักลงทุนไทยที่ลงทุนอยู่ในกัมพูชามากพอสมควร”
นายประเสริฐ กล่าวว่า ระหว่างที่ตนเองนำคณะผู้แทนการค้าจาก จ.ตราด และ จันทบุรี ไปเปิดบูธค้าขายที่ จ.สีหนุวิลล์ และมีการเปิดถนน สตึงฮาว ใน จ.สีหนุวิลล์ ระหว่างกล่าวคำปราศรัยสมเด็จฮุนเซน ได้กล่าวถึงปัญหาการก่อสร้างถนนขึ้นไปที่เขาพระวิหารว่าเกิดความขัดแย้งระหว่างไทยและกัมพูชาหลายครั้ง สมเด็จฮุนเซน จึงได้มีคำสั่งออกไปว่าหากจะเกิดการปะทะระหว่างกันทั้ง 2 ฝ่าย ก็ขอให้อยู่ในดุลยพินิจของผู้บัญชากการทหารในพื้นที่ว่าจะดำเนินการอย่างไรกระทั่งเกิดการปะทะกันขึ้นมาอย่างที่เป็นข่าว
“ลึกๆ แล้วปัญหาไทย-กัมพูชา เหมือนไม่มีอะไรที่จะขัดแย้งกัน แต่วันนี้ การลงทุนของไทยในกัมพูชาจะเกิด ปัญหาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้นักลงทุนไทยที่เข้าไปลงทุนในกัมพูชา เช่น นายเจริญ (เสี่ยเบียร์ช้าง) ก็ขัดแย้งกับ นายมง ฤทธี ที่เป็นนักธุรกิจใหญ่ของกัมพูชา มีธุรกิจมากมาย และยังเป็นสมาชิกวุฒิสภาของประเทศไทยด้วย โดยร่วมลงทุน โรงงานน้ำตาลใน จ.เกาะกง ตอนนี้ขัดแย้งกันหนัก ผู้บริหารที่ดูแลอยู่ไม่มีความสามารถและไม่เข้าใจวัฒนธรรมของชาวกัมพูชา ไร่อ้อยก็ถูกเผาเสียหายมาก และยังไม่รวมที่ทะเลาะกับธุรกิจอื่นๆ อีกหลายคน ขณะที่ธุรกิจท่องเที่ยวของ ไทยต้องหยุดชะงักไปแล้ว ทั้งโรงแรม ร้านอาหาร หรือธุรกิจที่เกี่ยวข้อง”
นายประเสริฐ กล่าวอีกว่า ธุรกิจที่ชาวไทยเดินทางไปลงทุนในกัมพูชาในขณะนี้ แนวโน้มระยะยาวมีความเสี่ยงในการทำธุรกิจ เพราะต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนของนโยบายของกัมพูชาหรือพฤติกรรมหรือวัฒนธรรมที่คนไทยไม่เข้าใจ และกำลังถูกต่อต้านจากชาวกัมพูชา ขณะเดียวกัน เวียดนามก็กำลังเข้ามาทำการค้าแทนที่ประเทศไทย โดยอาศัยความไม่วางใจของรัฐบาลกัมพูชาจนทำให้สินค้าไทยถูกสินค้าเวียดนามเข้ามาแทนที่ในหลายจังหวัดแล้ว โดยเฉพาะชายแดนกัมพูชา-เวียดนาม แม้ว่าสินค้าของเวียดนามจะมีคุณภาพสู้สินค้าไทยไม่ได้ แต่หากนักธุรกิจไทย ประมาทก็จะสูญเสียตลาดไปเช่นกัน
“ขณะนี้โครงการลงทุนของนักธุรกิจไทยในกัมพูชา โดยเฉพาะที่เกาะกงล้วนแล้วต้องหยุดชะงักหรือชะลอ การลงทุนไปก่อน เช่น การก่อสร้างสะพานจาก จ.เกาะกง สุ่ตัวเกาะกง (เกาะกง : อยู่ในอ่าวไทย) หรือการก่อสร้างคอมเพล็กซ์ใหญ่ ๆ ต้องหยุดทั้งปัญหาเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว และปัญหาทางการเมือง”
ขณะที่ นายภวัต เลิศมุกดา นายอำเภอคลองใหญ่ จ.ตราด เปิดเผยว่า หลังจากเกิดการปะทะกันระหว่างทหารไทยและทหารกัมพูชา ที่เขาพระวิหาร จ.ศรีสะเกษ เมื่อ 1-2 วันที่ผ่านมา ไม่ได้ส่งผลกระทบ ต่อบรรยากาศการค้า การท่องเที่ยวระหว่าง 2 จังหวัด (จ.ตราด-จ.เกาะกง ประเทศกัมพูชา) แต่ประการใด การค้าขายชายแดนที่ตลาดเช้าหาดเล็ก ยังมีพ่อค้า-แม่ค้า จาก จ.เกาะกงเดินทางมาซื้อสินค้าเป็นปกติ และไม่มีปัญหาใดๆ ระหว่างประชาชนชาวกัมพูชาและชาวตราดแต่ร้านค้าของชาวกัมพูชาที่ขายสินค้าในตลาดชายแดนหาดเล็กมีบาง ส่วนที่ปิดร้านค้ากลับบ้านใน จ.เกาะกงไป ซึ่งไม่ใช่มีสาเหตุมาจากปัญหาความขัดแย้งตามแนวชายแดน
“ผมได้พูดคุยกับผู้ว่าฯ ยุทธ ภูทอง ผู้ว่าราชการ จ.เกาะกง และผู้บัญชาการทหาร จ.เกาะกงแล้วตั้งแต่เปิด ปัญหาว่าทั้งสองฝ่ายจะยึดคามสามัคคีและร่วมมือกันระหว่าง 2 ฝ่าย ผมมองว่าที่ผ่านมาแม้เหตุการณ์จะรุนแรงแค่ ไหนสถานการณ์ที่ดีต่อกันเป็นอย่างดี อีกทั้งมูลค่าการค้าชายแดนไทยกัมพูชาระหว่าง 2 จังหวัดเฉพาะเดือนมีนาคม-เมษายน (ต้นสัปดาห์แรก) มีมูลค่าสูงขึ้นถึง 24% หรือมีมูลค่ามากกว่า 1,650 ล้านบาท”
นายอำเภอคลองใหญ่ กล่าวว่า ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน จ.ตราดไม่เหมือนพื้นที่อื่น ๆ ทาง นภอ.มณฑล สีมา จ.เกาะกง และตนเองได้มีการพูดคุยและสร้างความสัมพันธ์ระหว่างกันตลอดเวลา และในช่วงเทศกาลสงกรานต์จะมีนักท่องเที่ยวระหว่าง 2 จังหวัด เดินทางมาท่องเที่ยวระหว่าง 2 จังหวัดจำนวนมาก เพื่อร่วมเล่นสงกรานต์ระหว่างกัน