เชียงราย – ด่านฯ แม่สายเปิดที่ทำการใหม่รับการค้าไทย-พม่า-จีน ผ่านสะพานข้ามน้ำสาย 2 ที่เชื่อมต่อเข้าถนนสาย R3b จากท่าขี้เหล็ก-เชียงตุง-ชายแดนพม่า จีน เผยหลังทดลองใช้ ทำให้ยอดส่งออกผ่านชายแดนแม่สายเพิ่มเกือบ 50% ในปี 51 ที่ผ่านมา เชื่ออนาคตหากเคลียร์ปัญหาค่าผ่านทางมหาโหดในพม่าเสร็จ ทำให้มูลค่าการนำเข้า-ส่งออกพุ่งอีกแน่
รายงานข่าวจาก จ.เชียงราย แจ้งว่า หลังจากนายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รมช.กระทรวงการคลัง ได้เป็นประธานในพิธีเปิดที่ทำการด่านศุลกากรแม่สายแห่งใหม่ ตั้งอยู่ชายแดนไทย-พม่า หมู่บ้านสันผักฮี้ หมู่ 13 ต.แม่สาย อ.แม่สาย จ.เชียงราย เมื่อเร็ว ๆนี้ ได้ให้สัมภาษณ์ว่า ปัจจุบันสถานการณ์การแข่งขันทางการค้าในกลุ่มอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงไทย พม่า สปป.ลาว กัมพูชา เวียดนาม และจีนตอนใต้ ได้ทวีความรุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการค้าตามแนวชายแดนในกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน ซึ่งมีเชียงราย เป็นยุทธศาสตร์สำคัญและมีโอกาสในการรองรับการขยายตัวของเศรษฐกิจ
รมช.คลัง ระบุว่า ด่านศุลกากรแห่งใหม่นี้จึงเป็นโครงการสำคัญของรัฐบาลที่มุ่งหวังให้เป็นเครื่องมือในการอำนวยความสะดวกในทางการค้าและการท่องเที่ยว รวมทั้งเป็นศูนย์กลางในการพักและเปลี่ยนถ่ายสินค้าในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงตอนบน เพราะมีความได้เปรียบเนื่องจากสามารถเชื่อมกับไทย-พม่า และยังต่อไปยังจีนตอนใต้ได้อีกด้วย
นายวิศาล วุฒิศักดิ์ศิลป์ รองอธิบดีกรมศุลกากร กล่าวว่า โครงการก่อสร้างด่านศุลกากรแม่สายแห่งใหม่นี้เป็นส่วนหนึ่งของการปรับโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อรองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจการค้าและการท่องเที่ยวในเขตชายแดน จ.เชียงราย และกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน เพราะเป็นยุทธศาสตร์สำคัญที่สามารถเชื่อมโยงไปถึงจีนตอนใต้และกลุ่มประเทศลุ่มแม่น้ำโขงอื่นๆได้
สำหรับด่านศุลกากรแห่งใหม่จะมีการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ เช่น อี-คัสตอม เครื่องเอกซเรย์ตรวจสอบสินค้าและสัมภาระ ติดตั้งระบบทีวีวงจรปิด ศูนย์บริการแบบเบ็ตเสร็จหรือวันสต็อปเซอร์วิส เป็นต้น จึงเชื่อว่าในอนาคตจะมีบทบาทสำคัญในการผลักดันในการเป็นศูนย์กลางการนำเข้าและส่งออกสินค้ารวมถึงการท่องเที่ยวในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงได้
ด้าน นายชูชัย อุดมโภชน์ นายด่านศุลกากรแม่สาย กล่าวว่าด่านศุลกากรแม่สายแห่งใหม่สร้างขึ้นตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 2 มี.ค.2547 อนุมัติให้มีการก่อสร้างด่านศุลกากรแม่สายแห่งใหม่นี้บนพื้นที่ประมาณ 270 ไร่ ใช้งบประมาณของกรมศุลกากรจำนวน 380 ล้านบาท โดยเป็นงบประมาณผูกพัน 4 ปีตั้งแต่ปี 2547-2550 ก่อสร้างโดยบริษัท พัฒน์กล จำกัด (มหาชน) ภายในด่านศุลกากรประกอบด้วยอาคารสำนักงาน อาคารพรมแดน อาคารเก็บของกลาง อาคารสถานที่สำหรับตรวจและบรรจุสินค้า อาคารบ้านพัก อาคารเช็กกิงโพสต์ ฯลฯ
รายงานข่าวแจ้งว่า ก่อนหน้านี้กระทรวงคมนาคมได้ก่อสร้างสะพานข้ามลำน้ำโขงด้วยวงเงิน งบประมาณกว่า 38 ล้านบาท และสร้างถนนเชื่อมกับสะพานฝั่งพม่าให้โดยไม่คิดมูลค่าเป็นระยะทาง 390 เมตร อีกด้วย สำหรับตัวสะพานมีความยาว 90 เมตร กว้าง 14.70 เมตร มีช่องเดินรถยนต์ 2 ช่องจราจรกว้าง 9 เมตร ทางเดินเท้าด้านข้างกว้างข้างละ 1.75 เมตร
สำหรับมูลค่าการค้าชายแดนไทย-พม่า ผ่านด่านศุลกากรแม่สายโดยผ่านด่านศุลกากรแห่งใหม่และสะพานข้ามลำน้ำสายแห่งที่ 2 โดยทดลองใช้ตั้งแต่ปี 2551 ที่ผ่านมาพบว่ามีการนำเข้าสินค้าทั้งหมด 245.37 ล้านบาท ลดลง 65.78% สินค้านำเข้าส่วนใหญ่เป็นไม้ซุงสัก สุราต่างประเทศ ผลส้มสด ฯลฯ ส่วนการส่งออกมีมูลค่า 3,705.78 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 48.86% สินค้าส่วนใหญ่ที่ส่งออกเป็นน้ำมันเชื้อเพลิง สุราต่างประเทศ กาแฟสำเร็จรูป ฯลฯ
ทั้งนี้ นับตั้งแต่ย้ายไปทำการนำเข้าและส่งออกยังสถานที่ใหม่ดังกล่าวได้ทำให้มูลค่าเพิ่มขึ้น และในอนาคตจะสามารถเชื่อมอาร์สามบีทั้งระบบคือจาก อ.แม่สาย ไปยังเมืองเชียงตุง ประมาณ 168 กิโลเมตร จากเชียงตุงไปเมืองลาชายแดนที่ด่านต้าลั้ว จีนตอนใต้ ประมาณ 90 กิโลเมตร
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ก็ยังมีปัญหาเกี่ยวกับอาร์สามบีอีกมากมาย โดยเฉพาะมีด่านตรวจต่างๆ ของทั้งรัฐบาลทหารพม่าและชนกลุ่มน้อยในเขตปกครองพิเศษที่ 2 และที่ 4 ของพม่า ตลอดราย โดยว่ากันว่าการขนส่งตั้งแต่ อ.แม่สาย ไปถึงจีนตอนใต้จะต้องเสียค่าผ่านด่านเป็นเงินกว่า 40,000-60,000 บาท จนเป็นเหตุทำให้ผู้ประกอบการยังคงเลือกใช้การขนส่งสินค้าไทย-จีน ทางเรือในแม่น้ำโขง หรือให้ความสำคัญกับถนนอาร์สามเอที่เชื่อมระหว่างไทย-สปป.ลาว-จีนตอนใต้ และเพิ่งสร้างแล้วเสร็จแทน
